Tuesday 13 September 2016

Baar Baar Dekho

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเราไปดู Baar Baar Dekho มาละ เป็นหนังจากฝั่ง Bollywood ที่ตอนแรกสุดเลยไม่ได้นึกอยากดูมากเท่าไหร่ สาเหตุอาจจะเป็นเพราะเราเองไม่ใช่แฟนของ Katrina Kaif ก็เป็นได้ ถึงแม้จะรู้ว่าพระเอกของเรื่องเป็น Sidharth Malhotra ขวัญใจเราก็ตาม และแล้ววันนึงในช่วงที่หนังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ เราก็ได้เห็นภาพจาก IG ของ Sid ที่มาถ่ายบน BTS ถือตั๋วรถไฟฟ้าหันหน้าสู้กล้อง วินาทีนั้นบอกตัวเองเลยว่าชั้นจะต้องดูหนังเรื่องนี้ให้ได้แน่นอน จนเพลงออก trailer ออกก็ยิ่งพบว่าเป็นหนังที่น่าสนใจมาก เป็นหนังรักข้ามเวลาที่ดูมีความเป็นไซไฟผสมอยู่ซึ่งเป็นแนวทางที่เราชอบอยู่แล้ว แต่ไม่นานทางผู้สร้างก็ออกมาบอกว่ามันไม่ใช่หนังไซไฟนะ จนเมื่อเสาร์ที่ผ่านมาเราก็ได้พิสูจน์กับตาตัวเองแล้วว่า Baar Baar Dekho ไม่ใช่หนังไซไฟอย่างที่บอกจริงๆด้วยแหละ

Baar Baar Dekho
                                                          Source

Baar Baar Dekho จัดว่าเป็นหนังรักที่มีดีกรีความดราม่าพอประมาณ มีคอเมดี้เบาๆ แต่สิ่งที่ทำให้เราเข้าใจว่าจะมีความไซไฟนั้นเป็นความดีงามของการตัดต่อและบทมากกว่าที่ขับเน้นให้อารมณ์คนดูไปผูกกับความเป็นไซไฟที่ไม่มีอยู่จริงในหนังได้แบบเนียนๆ เส้นเรื่องก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก หนังพูดถึงความรักของ Jai Verma และ Diya Kapoor ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็กๆ พอโตเข้าวัยรุ่นก็กลายเป็นแฟนกัน จนเรียนจบและทำงานก็ยังคบกันอยู่ Jai เป็นอาจารย์ด้านคณิตศาสตร์ในมหาลัย ส่วน Diya เป็นจิตรกร แล้ววันดีคืนดีนางก็ขอผู้แต่งงานจ้า แต่ผู้กลับเกิดอาการลังเลเพราะฮีเพิ่งสมัครไป Cambridge ฮียังอยากจะโฟกัสกับงานมากกว่าเพราะคณิตศาสตร์คือชีวิตของฮี แต่ด้วยความที่ Diya เป็นคนนำในการตัดสินใจทุกอย่างมาตลอดตั้งแต่เด็ก (แน่นอนว่านางไม่ approve เรื่องย้ายถิ่นแน่นอน) เลยกลายเป็นว่า Jai ต้องตอบตกลงแต่งงานไปโดยปริยาย มิหนำซ้าครอบครัวของนางก็เข้ามาวุ่นวายจนค่อนข้างน่ารำคาญ คุณว่าที่พ่อตา (รับบทโดย Ram Kapoor) ก็เอาแต่พร่ำถึงท่านเทพหนุมานตลอดๆ Jai คงเซ็งไม่น้อย จนมาถึงช่วงวันสุกดิบ Diya พาไปดูอพาร์ทเมนท์ที่ทั้งคู่จะใช้เป็นเรือนหอ ตอนนั้น Jai ถึงคิดได้ (ผู้ชายเราเรียกคิดได้ แต่ผู้หญิงคงเรียกว่าสับสน ฮ่าๆ) ว่าตัวเองเหมือนจะไม่ได้ต้องการชีวิตการแต่งงานตอนนี้ ฮีเลยระเบิดออกไปจน Diya เสียใจวิ่งกลับบ้านไป แล้วฮีก็ดื่มแชมเปญเข้าไป ตื่นมาอีกทีอ้าว กูโผล่มาภูเก็ตไทยแลนด์แดนสยามได้ยังไง แต่งงานมาเป็น 10 วันและมาฮันนีมูนเหรอ Jai ดูงง สับสน เอ๋อ กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดกับ Diya และแม่ของตัวเองแต่ก็เหมือนไม่มีใครเข้าใจ จนเขาหลับไปอีกทีก็วาร์ปไปยังอนาคตที่ Cambridge ตรงช่วงเวลากับที่ Diya น้ำเดินจะไปคลอดลูกพอดี เขาก็เกิดอาการงงเอ๋ออีก เหมือนไม่รู้ทาง คันไหนคือรถเรา โรงพยาบาลไปทางไหนก็ไม่รู้ แล้วไอ้เหตุการณ์แบบหลับไปแล้วตื่นข้ามไปในอนาคตก็เกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เขาได้เห็นความผิดพลาดและความพังของชีวิตคู่หลายอย่าง ร้ายแรงถึงขั้นหย่ากันและ Diya ก็แต่งงานใหม่ คนดูก็จะได้ลุ้นว่า Jai จะมีโอกาสได้กลับไปแก้ไขความผิดมั้ย หรือจะสามารถย้อนเวลากลับไปช่วงก่อนแต่งงานแล้วเลือกที่จะไม่เริ่มชีวิตต้นคู่ได้ มีความ Butterfly Effect เบาๆว่าการตัดสินใจของเราในวันนี้จะส่งผลกระทบแบบลูกโซ่กับชีวิตเราและคนใกล้ตัวเราในอนาคต

Sid-Kat
                                                                                        Source

สำหรับอย่างแรกที่จะชม โอ๊ยยยย Sid หล่อลากในทุกช่วงวัย ยิ่งตอนที่เป็นอาจารย์ในมหาลัยแล้วสอนนักศึกษานี่ดูแล้วถึงกับเพ้อ พวกนางเหล่านั้นนั่งฟังอาจารย์อย่างเคลิ้มเลย ออดหมดเวลาแล้วพวกนางก็ไม่ลุก มีการให้อาจารย์ให้แบบฝึกหัดเพิ่มอีก เรานี่คิดในใจเลย แหม่ ถ้ากูได้ครูสอนเลขแบบนี้นะ กูคงไม่เทวิชาเลขทิ้งตั้งกะป.5 หรอกว่ะ ฮ่าๆๆ คงจะขยันมากและเป็นเซียนเลขไปแล้วเพราะจะเข้าหาครูทุกเช้าเย็น ในทาง Kat ก็น่ารักมีเสน่ห์แบบที่เราไม่คาดคิดมาก่อน มองเพลินตามากเลย


cinematography ก็ดีงาม ภาพสวยมาก ฉากก็สวย ฉากสิ่งก่อสร้างและเทคโนโลยีที่ใช้ในอนาคตดูเรียลดี ดูแล้วเชื่อว่ามันจะมีของพวกนั้นใช้จริงๆ ชอบฉากเผาศพแม่ Jai ในอนาคตมากๆ ผสมผสานวัฒนธรรมอินเดีย วัฒนธรรมตะวันตก และความเป็นโลกอนาคตได้อย่างลงตัวสุดๆไปเลย ภาพก็ย้อมสีสวยมาก ดูอบอุ่นแต่สดใสในเวลาเดียวกัน

เสื้อผ้าก็สวยดี ดูเข้ากับทุกคน แต่เมคอัพหน้าแก่ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ ดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับหน้าเดิม ดูรู้ว่าทำขึ้นมาเฟคๆ รอยย่นยังไม่เนียน แต่ผมหงอกผมขาวทำดีแล้ว โดยเฉพาะผมของ Sid หรือตัวละครชายคนอื่นๆ ดูสมจริงตามอายุดี ไม่ค่อยหลอกตา ผมผู้หญิงยังดูเนียนไม่เท่าผมผู้ชายแต่เทียบแล้วดีกว่าการแต่งหน้าที่จัดว่าพังกว่าเยอะ


สำหรับเพลงในเรื่องก็มีประมาณ 3-4 เพลง แต่เพลงเด็ด Kala Chasma จะเอาไว้หลังหนังจบเลย ไม่มีในตัวหนัง เป็นอีกเพลงนึงที่ได้รับความสนใจมากใน YouTube ฝรั่งมังค่าเกาหลงเกาหลีก็แห่มาทำวิดิโอ reaction กันให้รึ่มเลย แต่นี่เกลียดท่าเต้นยักคอมาก คนอื่นทำไม่เท่าไหร่ แต่ทนไม่ไหวเวลาเห็น Sid ทำท่านี้ ฮ่าๆ การเต้นก็อย่างที่รู้ๆกัน Kat นางเต้นแข็งแรงและดีมาก ส่วน Sid ก็นะ เต้นตามได้ครบและพร้อมเพรียงกับชาวบ้านดีแต่อินเนอร์หาได้มีไม่ตามสไตล์ฮีนั่นแหละ แต่ก็ร๊ากกกก 

ฺBaar Baar Dekho - Sid-Kat
                                                                                          Source

ยังไม่ได้พูดถึงเนื้อเรื่องตอนที่ชอบเลย เราชอบการที่หนังให้ Diya ถาม Jai ซ้ำๆทุกครั้งในการข้ามเวลาของ Jai ว่าทำไมเธอถึงรักฉัน แล้ว Jai ก็จะตอบซ้ำประมาณว่าเพราะคุณคือภรรยาผม ไม่ก็เพราะคุณคือภรรยาและแม่ของลูกผม เราฟังคำตอบแล้วเลิกคิ้วแบบ eyebrow on fleek เลยทีเดียว เฮ้ย มันใช่เหรอวะ ถ้าไม่ได้แต่งงานออกหน้าเป็นภรรยา ไม่ได้มีลูกให้ แบบนี้คือไม่รักปะ เธอตอบคำถามผิดแล้ว Jai เป็นเราๆจะตอบว่าความรักมันมีเหตุผลด้วยเหรอ ด้วยความที่ Jai เป็นอาจารย์สอนเลขที่ดูเหมือนจะทำอะไรต้องมีเหตุผลตลอดเวลา เราว่าถ้าตอบแบบนี้มันจะดีกว่ามาก ประมาณว่าเหตุผลเอาไว้ใช้กับงานแต่เรื่องรักไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล หรือไม่ก็ตอบอะไรทำนองว่ารักที่เธอเป็นเธอก็ยังได้ จนในที่สุด Jai ก็ตอบคำถามถูกซะทีว่า รักคุณเพราะคุณคืออดีต ปัจจุบัน และอนาคตของของผม อะโหย โคตรได้ใจอะคำตอบนี้ ดูซึ้งกว่ารักไม่ต้องมีเหตุผลของกูอีก

BBD
                                                                                         Source

ส่วนตัวมองว่าการขยี้ปมและการคลี่คลาย conflict ของหนังยัง cliché เกินไป พูดกันตรงๆว่าสามัญสำนึกคนเราอะมันก็คิดอยู่แล้วละว่าไอ้การเดินทางข้ามเวลามันไม่มีจริง หนังดีตรงที่ใช้การตัดต่อและไดอะล็อกส่วนนึงเบี่ยงเบนความสนใจให้คนพุุ่งไปที่ความไซไฟแทนที่จะใช้สามัญสำนึกเดิมๆ แต่พอเราเริ่มเห็นเค้าลางว่าหนังจะจบแบบ happy ending แน่นอน เราก็เดาได้หมดแล้วละว่าหนังจะเลือกใช้วิธีคลี่คลายยังไง ถึงอย่างนั้นหนังก็ไม่ได้เฉลยไปตรงๆว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Jai คืออะไรแน่ ตามปกติไอ้เรื่องเดินทางข้ามเวลาก็มีจุดคลี่คลายได้สองทาง เฉลยไปแม่งก็ดูทุเรศทั้งสองทาง ทางนึงก็ cliché  อีกทางก็ดูเหนือธรรมชาติเกิน เรามองว่าถ้าหนังเลือกที่จะเฉลยตรงๆก็เหมือนฆ่าตัวตายแบบโง่ๆ ซึ่งเท่าที่ทำออกมาก็โง่อยู่ดีแหละ แต่โง่แบบโฉ่งฉ่างน้อยกว่าเฉลยโต้งๆหน่อยเท่านั้นเอง 

Baar Baar Dekho - Jai-Diya
                                                                          Source

ถึงหนังจะดูสนุกแบบขาดๆเกินๆไปบ้าง (ส่วนตัวให้อภัยเพราะเป็นหนังฝีมือการกำกับเรื่องแรกของ Nitya Mehra) แต่ก็ให้ข้อคิดสอนคนมีแฟน มีครอบครัวดีนะ เรื่อง work life balance แม้จะเป็นเรื่องที่โลกเราให้ความสนใจมาตั้งแต่ในยุค 90 แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกที่จะจัดการชีวิตให้ได้ดีแบบนั้น โลกเราจึงต้องเอามาย้ำปากเปียกปากแฉะกันแบบนี้เรื่อยไปนี่ไง สรุปได้ว่า Baar Baar Dekho มีความนุ่มนวล กลมกล่อมพอประมาณ Sid หล่อ เสน่ห์ล้นหลาม Kat ดูดี เต้นเก่ง ฉากสวย ภาพสวย ถ้าไม่คิดจับผิดรอยรั่วต่างๆหรือขี้รำคาญในความ cliché บางส่วนมากก็ถือว่าคุ้มเงินค่าตั๋วแล้วละ





Location: กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

1 comment:

  1. baar baar dekho was awesome movie as katrina and siddhart malhotra looking perfect in this movie thanks for this post keep updating

    ReplyDelete

แสดงความเห็น แนะนำ ติชม เข้ามาได้ตามสะดวกนะ