Thursday 28 July 2016

Bajrangi Bhaijaan

ขึ้นชื่อว่าคนไทยอะเนอะ หลายๆคนคงจะไม่ชอบหนังที่เครียดหรือหนักจนเกินไปสักเท่าไหร่ วันนี้ก็เลยจะมาพูดถึงหนังอินเดีย feel good เรื่องนึงที่ฮอทฮิตมากเมื่อปีที่แล้ว เป็นหนังที่นำแสดงโดยดารา big name ของวงการบอลลีวู้ดและมีดาราสมทบมากฝีมือ รวมทั้งมีเด็กน้อยๆที่น่ารักแสดงนำร่วมด้วยอีกหนึ่งคนละ

Bajrangi Bhaijan
                                                          Source


หนังบอลลีวู้ดเรื่องนี้มีชื่อว่า Bajrangi Bhaijan นำแสดงโดย Salman Khan เป็นเรื่องราวของพ่อหนุ่มคนซื่อผู้นับถือเทพหนุมานที่ชื่อว่า Pawan เขาเดินทางเข้าเมืองมาพักกับบ้านคนรู้จักของพ่อผู้มีลูกสาวแสนสวยอย่าง Rasika ที่แสดงโดย Kareena Kapoor Khan ในวันหนึ่งที่เขาออกไปนอกบ้าน เขาพบกับหนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนนึง รับบทโดย Harshaali Malhotra เธอหลงทางมาจากไหนไม่รู้ พูดก็ไม่ได้ด้วยสิแต่ก็ยังฟังรู้เรื่องนะ เขาตั้งใจจะพาเธอกลับไปหาพ่อแม่ แต่ก็สื่อสารลำบากเหลือเกิน ไม่ว่าเขาพูดชื่อเมืองไหนในอินเดียที่เขารู้จักหนูน้อยก็ส่ายหัวดิก เขาเลยต้องพาหนูน้อยเข้าบ้านไปอาศัยอยู่ด้วย จนวันนึงทุกคนพบความจริงว่าหนูน้อยคนนี้มาจากปากีสถาน เธอมีชื่อจริงว่า Shahida เธอพลัดหลงกับแม่ของเธอที่ขบวนรถไฟขากลับทั้งๆที่ใกล้จะเข้าเขตปากีสถานอยู่แล้วเชียว เธอกับแม่เดินทางมาขอพรที่อินเดียตามคำบอกเล่าของผู้ใหญ่ คนที่นั่นเชื่อกันว่าในอินเดียมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใครเจ็บไข้ได้ป่วยไปขอพรแล้วจะหายเป็นปกติ ทุกคนก็หวังว่าเธอจะพูดได้เหมือนอย่างเด็กคนอื่นๆเขาซะที

Harshaali
                                                                                          Source

ในที่สุด Pawan ก็ตัดสินใจว่าจะพาเด็กน้อยกลับบ้านที่ปากีสถานด้วยตัวเอง เขาพยายามที่จะเดินทางไปที่นั่นทั้งๆที่ไม่มีวีซ่า แถมยังโดนทหารทางนั้นหาว่าเป็นสายลับปลอมตัวมาซะอีก แต่โชคดียังเป็นของคุณพี่ชายและแม่หนูน้อย เมื่อทั้งสองได้พบกับนักข่าวคนนึงที่เห็นความพยายามและเข้าใจ นักข่าวคนนี้ชื่อ Chand Nawab รับบทโดย Nawazuddin Siddiqui เส้นทางความพยายามของ Pawan จะต้องระหกระเหินแค่ไหน ความพยายามที่จะพาหนูน้อย Shahida กลับบ้านจะสำเร็จหรือไม่ อันนี้ต้องไปดูกันเอาเอง

BB-Salman-Harshaali-Nawazuddin
                                                                                           Source

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าหนังวิวสวยมาก ยิ่งตอนที่ Pawan และหนูน้อยเริ่มออกเดินทางจากตัวเมือง บรรยากาศความเป็นชนบทมีมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เห็นบรรยากาศของชาวบ้านร้านถิ่น วิถีชีวิตของชุมชน ยิ่งไกลออกไปจนใกล้เข้าเขตปากีสถานเรายิ่งได้สัมผัสถึงความงามของแคชเมียร์ ภูเขาสวยสุดลูกหูลูกตาจริงๆ เรียกได้ว่าดูหนังเรื่องนี้แค่เพื่อจะเสพย์วิวสวยๆเพียงอย่างเดียวก็คุ้มค่าเงินแล้ว

Pawan
                                                                                          Source

การแสดงก็ดีมาก Salman เหมาะกับบทประมาณนี้ที่สุดในความรู้สึกเรา คนซื่อๆ จริงใจ ไม่ซับซ้อนมาก บู๊ได้ เตะต่อยเป็น จะให้ไปเป็นพระเอกแนวใส่สูทผูกไทเราว่าเรายังไม่อินเท่าไหร่ หนูน้อย Harshaali เองก็น่ารักมาก เธอแสดงได้ดีอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของเธอ ลำพังว่าเป็นการแสดงเรื่องแรกก็ยากแล้วนะ นี่แม่หนูยังต้องเล่นเป็นเด็กใบ้อีก ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่เธอก็สอบผ่านสบายๆ ทั้งฝีมือบวกกับความน่ารักของเธอบอกได้เลยว่าอนาคตเป็นสตาร์แน่นอน

Nawazuddin and Salman
                                                                                          Source

และอีกหนึ่งคนที่เราจะไม่ชมก็คงจะไม่ได้ น้านาวาของเรานี่เอง บทของน้าแกดูเผินๆเหมือนกับว่าไม่จำเป็นต้องใช้ดาราที่เป็นที่รู้จักอะไรมากนักมาเล่นก็ได้ แต่ด้วยความที่เป็นน้ามารับบทนี้มันเลยทำให้ตัวละครนักข่าวนี่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ตั้งแต่ฉากแรกที่โผล่มารายงานข่าวก๊อบๆแก๊บๆอยู่แถวสถานีรถไฟแล้วละ มันได้กลิ่นอายอะไรบางอย่างที่ตลก แต่มันก็ไม่ได้ตลกมากขนาดที่จะปล่อยก๊ากออกมาแรงๆ มันตลกอยู่ข้างในยังไงบอกไม่ถูก ตลอดการเดินทางของ Pawan ที่นำพาแม่หนูส่งกลับคืนครอบครัวก็ได้นักข่าวคนนี้แหละช่วยเหลืออะไรไว้หลายอย่างมากเลย ทั้งๆที่เป็นคนจากคนละเชื้อชาติกันแต่ความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจในความเป็นมนุษย์นั้นมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นตัวละครที่เราประทับใจมากอีกตัวนึงเลยละ

Rasika and Pawan
                                                                                          Source

มาถึงบทของ Rasika กันบ้าง นางเอกเรื่องนี้เอาจริงๆไม่ได้มีบทบาทอะไรมากเลยนะ ไม่เห็นจำเป็นต้องเอานางเอกเบอร์ต้นๆของบอลลีวู้ดอย่าง Kareena มาเล่นเลยก็ได้ เอานางเอกเบอร์รองๆมาก็ไม่ดูด้อยเกินกว่าบท แต่ก็อย่างว่าแหละมั้ง นางเอกต้องประกบกับพระเอก big name จะใช้นางเอกไก่กาแถวสองแถวสามคงจะไม่งามนัก แต่ที่พูดนี่เพราะเสียดายฝีมือของ Kareena หรอกนะ บทมันไม่ได้มีอะไรเลย เล่นแล้วฝีมือยังเหลือๆด้วยซ้ำ

Harshaali as Munni
                                                                      Source

มีแค่อย่างเดียวที่เรารู้สึกว่าสมควรจะติคือจุดพีคของหนังยังไม่แรงพอ เราอาจจะเป็นคนเส้นลึกเองก็ได้ เราดูแล้วไม่ร้องไห้สักแอะ แค่ซาบซึ้งและอบอุ่นหัวใจไปด้วยเฉยๆ เรารู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไรที่บีบคั้นได้กว่านี้อีก เราดูไปก็เหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงอิหนังเรื่องนี้มันต้องจบสวยแน่นอน ไม่มีทางจะเป็นอื่น


สำหรับเพลงประกอบ มีเพลงเต้นแค่เพลงเดียวช่วงต้นเรื่อง เป็นการเปิดตัวพระเอก เพลงสนุกสนาน จังหวะติดหู เนื้อเพลงก็จำง่ายด้วย ส่วนตัวชอบนะ มันทำให้โทนของหนังดูสดใสรื่นเริงดี ถึงแม้จะมีประเด็นเครียดๆมากแต่ก็ไม่ได้เครียดจริงจังไปซะทั้งหมดเรื่อง แถมฉากแห่เทพหนุมานก็ทำได้อลังการดีด้วย อยากกระโจนเข้าจอไปร่วมขบวนแห่มากๆเลย นอกนั้นก็เป็นเพลงช้าที่เปิดคลอไปตามซีนต่างๆ ฟังไปเพลินๆแกล้มกับบรรยากาศสวยๆทางตอนเหนือ ฟินสุดๆ

BB-Salman
                                                                                          Source

ใครที่ชอบหนัง feel good น่าจะลองหามาดูนะ มาดูกันว่าหนัง feel good ในแบบอินเดียเขาทำกันยังไงบ้าง เรื่องการแสดงนั้นคุณภาพหายห่วงบอกได้เลย ผู้ใหญ่เล่นกันอย่างมืออาชีพ เด็กน้อยก็เก่งเกินวัยแต่ยังมีความน่ารักที่สมวัยเด็ก ดูแล้วจะหลงรักน้อง Harshaali ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย หรือใครที่เป็นแฟนคลับของพระเอก Salman อยู่แล้ว ได้ดู Bajrangi Bhaijan แล้วก็จะยิ่งชอบเขาขึ้นอีกเป็นกองแน่นอน




Monday 25 July 2016

Sixteen


สำหรับหนังอินเดียแล้วหนังที่พูดถึงชีวิตวัยรุ่นที่มีตัวแสดงเป็นวัยรุ่นจริงๆจะค่อนข้างหาดูยาก เพราะดาราอินเดียสมัยนี้กว่าจะเริ่มเข้าวงการกันก็อายุเลยวัยมหาลัยกันแล้วทั้งนั้น บางทีมารับบทวัยม.ปลายก็คือต้องแอ๊บเด็กเล่นเอา แต่วันนี้เราจะมาแนะนำ Sixteen หนังที่พูดให้เข้าใจง่ายๆว่าเป็น Hormones เวอร์ชั่นหนัง Bollywood ให้ได้รู้จักกัน หลายๆคนน่าจะอยากรู้ว่าหนังที่ตีแผ่ชีวิตวัยรุ่นอินเดียจะเป็นยังไง วัยรุ่นทางนั้นจะพบเจอปัญหาแบบวัยรุ่นไทยหรือเปล่า มาลองดูกัน แต่ก่อนอื่นคงต้องออกตัวไว้เลยว่าจะไม่มีการแนะนำชื่อตัวละครหรือชื่อจริงของนักแสดงอะไรทั้งสิ้น เพราะหนึ่งคือดาราพวกนี้เป็นดาราหน้าใหม่และไม่ใช่หนังเกรดเอ สองคือเนื้อเรื่องมันโดดเด่นแย่งความสนใจของเราที่จะจำชื่อตัวละครไปหมดเลย เราก็เลยจำรายละเอียดเรื่องชื่อไม่ได้สักคน (ต่อให้ติดแท็กโอกาสที่จะได้รีวิวหนังที่แต่ละคนเล่นอีกก็ริบหรี่อยู่ดี) แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังเราจำได้แม่นมาก ถ้าจะอธิบายถึงตัวละครหลักตัวไหนเราจะอธิบายด้วยรูปพรรณสัณฐานก็แล้วกัน

Sixteen
                                                                                                          Source

Sixteen ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตที่ประสบปัญหาของวัยรุ่นโรงเรียนดังกลุ่มนึงในกรุงนิวเดลี ตัวละครหลักมีด้วยกัน 4 ตัว คนแรกคือสาวสวยแรง นางนี้เปิดมาต้นเรื่องก็นัวเนียกับแฟนหนุ่มที่แก่กว่าและเป็นคนในวงการถ่ายแบบในรถเลยจ้า นางโดดเรียนไปนัวผู้กลางวันแสกๆ คนที่สองคือสาวสวยหวาน นางมีผู้ชายมาตามจีบ พอจีบติดและได้คบเป็นแฟน อิตานั่นก็พยายามอย่างมากที่จะมีอะไรด้วย และด้วยความที่นางโตมากับครอบครัวอบอุ่นแสนดี นางเลยเป็นคนอ่อนๆ ปฏิเสธไม่เป็น คนต่อมาคือสาวอวบผมสั้น นางอยู่กับ single mum ที่เปิดห้องว่างในบ้านให้เช่า จากนั้นมีหนุ่มนักเขียนวัยสามสิบกว่าๆมาเช่าอยู่ และนางก็ตกหลุมรักอิตานักเขียนนี่อย่างจัง แต่นางก็มีเพื่อนนักเรียนด้วยกันมาชอบอยู่นะ และฮีคือคนที่สี่ที่จะพูดถึง ฮีเป็นลูกชายคนเดียวที่โดนพ่อลงมือลงตีนอยู่บ่อยๆเวลาไม่พอใจ ฮีมักไปโรงเรียนด้วยบาดแผลตามตัวและต้องปกปิดเพื่อนๆว่าพ่อบังเกิดเกล้าทำ ฮีหลอกว่าอยู่กับลุงและลุงเป็นคนทำ ฮีคงเจ็บปวดมากที่จะบอกโลกว่ามีพ่อแบบนั้น และแม่ฮีก็ไร้น้ำยา ห้ามพ่อไม่ได้เลย ทั้ง 4 ชีวิตจะมีจุดจบอย่างไรก็ต้องไปตามดูกันเอาเอง หาดูได้ใน Youtube สบายๆเพราะผู้สร้างเอาลงไว้เองเลยละ มีซับอังกฤษด้วย


ความรู้สึกแรกที่ได้ดู เรารู้สึกว่าวัยรุ่นที่นั่นมั่วกว่าที่คิดมาก มันอาจจะเป็นมายาคติของคนที่มาจากประเทศที่คิดว่าประเทศตัวเองมีความอนุรักษ์นิยมน้อยกว่าอินเดียก็ได้ละมั้ง เราเลยคาดหวังว่าอินเดียและคนอินเดียจะคงไว้ซึ่งวัตรปฏิบัติแบบเดิมๆที่ไม่แหกขนบออกมา พอเราได้เห็นในหนังว่ามีวัยรุ่นโดดเรียนมานัวเนียนผู้ชายกลางวันแสกๆในรถเราก็ตกใจพอสมควร ในเรื่องมันแทบจะโม้กกันอยู่แล้วนั่น ตอนแรกเรายังคิดว่าหนังมันนำเสนอเว่อร์ไปเองหรือเปล่าแต่เท่าที่รู้มาจากแฟนหรือเพื่อนๆน้องๆคนอินเดียมันก็เป็นแบบในหนังจริงๆนั่นแหละ

Sixteen-poster
                                                                                                                         Source

ที่เราชอบมากคือหนังมันดูเรียล ไม่พยายามขายคู่จิ้น ขายฉากเซอร์วิสอะไรเลยสักนิดเดียวก็ไม่มี หนังจงใจทำมาสะท้อนสภาพชีวิตวัยรุ่นในเมืองใหญ่ของอินเดียจริงๆ ตอนเราดูเราแทบไม่ได้สนใจจะจำชื่อตัวละครด้วยซ้ำ เพราะบุคลิกและหน้าตาของแต่ละคนมันแตกต่างกันชัดเจนอยู่แล้ว เราดูด้วยความตั้งใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของวัยรุ่นพวกนี้บ้าง บางแว้บมีแอบหวังให้มีฉากแรงๆแบบ Hormones บ้านเรา แต่ก็ไม่มีให้ ตอนดูแรกๆยังปรับอารมณ์ไม่ค่อยถูก เพราะคุ้นเคยแต่ซีรีส์ที่เน้นทำออกมาแรงๆแล้วอ้างว่าสะท้อนสังคม พอได้ดู Sixteen แล้วทำให้คิดได้ว่ามันไม่ได้ต้องเอาความแรงเข้าข่มเสมอไปมั้ย มันมีบ้างที่ต้องแรงเพื่อนำเสนอความไปตามท้องเรื่อง แต่จะมาเรียกร้องอยากดูอะไรที่แรงพร่ำเพรื่อมันคงไม่ใช่

Sixteen-cast
                                                                                                                         Source

อีกจุดที่เราชอบคือมุมกล้องและภาพของหนังเรื่องนี้ มุมกล้องมันไม่จำเจน่าเบื่อแบบหนังเกรดเอดี ไม่รู้สิ เวลาเราดูหนังเกรดเอหรือหนังของดาราดังๆมันจะรู้แนวรู้มุมกล้องอะว่าฉากประมาณนี้จะถ่ายออกมาด้วยมุมแบบไหน แต่กับ Sixteen เราว่ามันไม่ซ้ำดี และสีภาพก็ดูอินเตอร์ ดูไม่เหมือนหนังแถวสองแถวสามเลย เรียกง่ายๆว่าทีมโปรดักชั่นเขามีดีพอตัว

Sixteen
                                                                                         Source

สำหรับข้อติเราคิดว่าหนังวางปมไว้ตื้นเกินไปเลยดูไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าที่ควร มันค่อนข้างเดาได้น่ะว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของแต่ละคน ดูแล้วไม่ได้ลุ้นมากเท่าที่มันควรจะเป็นเพราะเหมือนเราเดาตอนจบได้อยู่แล้ว จะผิดเพี้ยนไปก็น้อยมาก น่าจะวางปมให้ซับซ้อนหรือซีเรียสมากขึ้นก็น่าจะทำให้ดูแล้วสนุกเข้มข้นขึ้นไปอีก ไม่ดูธรรมดาเหมือนมาพูดเรื่องอะไรที่ใครๆก็รู้กันอยู่แล้วป่ะวะแบบนี้

Sixteen
                                                      Source

Sixteen ทำให้เรารู้ว่าวัยรุ่นทั่วโลกก็เหมือนกันหมด ทุกคนย่อมผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายหรืออย่างหนักก็เข้าขั้นบัดซบมาด้วยกันแล้วทั้งนั้น และเพราะพวกเราเป็น (เคยเป็น) วัยรุ่น เราจึงเจ็บปวด




Saturday 23 July 2016

Udta Punjab


ถ้าย้อนไปเมื่อต้นปีที่ได้รู้ข่าวว่า Udta Punjab จะมีกำหนดการฉายเมื่อ 17 มิถุนายน เราก็คงจะต้องเขียนพาดหัวรีวิวว่ามันจะเป็นหนังที่ต้อนรับการกลับมาแสดงนำคู่กันของอดีตคู่รักแห่งวงการ Bollywood อย่าง Shahid Kapoor กับ Kareena Kapoor Khan หลายๆคนลุ้นมากเหลือเกินว่าหนังที่อดีตคู่หวานจะต้องมาแสดงร่วมกันนั้นจะออกมาเป็นยังไง แต่เพียงระยะเวลา 2 อาทิตย์ก่อนหนังจะเข้าฉาย ข่าวของการที่ Udta Punjab จะถูกหั่นฉากออกมากถึง 89 ฉากด้วยกันก็มาแรงแซงโค้งข่าวการร่วมงานของอดีตคนเคยรักไปหลายพันไมล์เลยก็ว่าได้ นับว่าเป็นสิ่งต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเป็นติ่งอินเดียของตัวเราเอง เลยว่านี่เป็นหนังที่จะโดนหั่นออกมากที่สุดเรื่องนึง

Udta Punjab
                                                           Source


สิ่งที่กองเซ็นเซอร์ของอินเดียเป็นกังวลและอยากให้ตัดทิ้งออกไปก็เพราะ Udta Punjab นำเสนอเนื้อหาสะท้อนสังคมวัยรุ่นที่ติดยาในรัฐปัญจาบของอินเดีย คนไทยเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าวัยรุ่นที่นั่นติดยากันถึง 70% ของประชากรวัยรุ่นในรัฐเลยทีเดียว มันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากเลยนะ เงินแค่ไม่ถึง 30 บาทไทยก็ซื้อยามาเสพได้แล้ว ในหะแรกกองเซ็นเซอร์มีมติว่าจะให้ตัดเนื้อหาตรงที่ระบุถึงรัฐปัญจาบออกไปทั้งหมด มิหนำซ้ำยังอยากจะให้ตัดเพลง Chitta Ve ออกไปด้วย ซึ่งหลายๆคนงงกันมาก ณ จุดนี้ว่าเพลงก็ปล่อยโปรโมทไปนานแล้ว คนฟังกันไปทั่ว จะไปตัดในหนังอีกมันจะได้อะไรขึ้นมา ทางผู้สร้างหนังและสมาคมของผู้กำกับก็รวมตัวกันยื่นเรื่องถึง Bombay high court กันเลยทีเดียว ยื้อกันอยู่นานจึงได้ผลว่าออกมาว่าตัดแค่ไม่กี่ฉากเท่านั้น ไม่ต้องตัดบ้าเลือดทั้งหมดเกือบ 90 ซีนอย่างที่กองเซ็นโง่บอกไว้ในทีแรก หนังจะเข้าวันศุกร์ final verdict ออกวันอังคารบ่ายๆจ้า บรรดาติ่งเอาใจช่วยแบบลุ้นตัวโก่งเลยว่าจะได้เข้าฉายทันเวลาหรือเปล่า แถมตลอดระยะเวลาการต่อสู้ก็มีแท็กที่ติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ทุกวันด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เรารู้เลยว่าอินเดียไทยใช่อื่นไกลเราพี่น้องกัน ดูได้จากอาการหน้าบางดัดจริตของกองเซ็นโง่ประจำประเทศจะเห็นเลยว่าถอดแบบกันมาเด๊ะๆ เก่งนักเรื่องซุกปัญหาไว้ใต้พรมเนี่ย ไม่ยอมให้หนังนำเสนอความจริงอย่างที่มันเป็น เอาละ เราจิกผู้มีอำนาจในการปิดหูปิดตาประชาชนในการเสพย์หนังมามากพอแล้ว เริ่มเข้ารีวิวกันเสียที

Udta Punjab
                                                                                                                         Source

Udta Punjab ดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลักทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน ทั้ง 4 ชีวิตนี้ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ยาเสพติดในรัฐปัญจาบทั้ง สิ้น เรียกว่ามากันครบทีม ทั้งผู้ค้า ผู้เสพ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ต้องปราบปรามและต้องคอยบำบัดเด็กที่ติดยา

Shahid as Tommy Singh
                                                                                                   Source

Shahid Kapoor เป็น Tommy Singh นักร้องร็อกผมยาว สักเต็มตัว กับมาดกวนๆเซอร์ๆที่เป็นไอดอลแบบผิดๆของวัยรุ่นปัญจาบ เขาใช้ยาและใช้มันมากซะจนต้องพึ่งพามันอยู่ตลอดในการจะสร้างสรรค์งานเพลงหรือแม้แต่การออกทัวร์คอนเสิร์ทในทุกครั้ง

Alia as Pinky
                                                                                                   Source

Alia Bhatt เป็น Pinky สาวชาวบ้านจากรัฐพิหารที่เดินทางข้ามรัฐเพื่อมาเป็นคนงานในไร่ เธอมีความฝันที่จะเป็นนักฮ็อกกี้แต่ด้วยความยากจนแร้นแค้นเธอจึงต้องเดินทางมาทำงานเก็บเงินไปพลางๆ และในไร่ที่เธอทำงานนั้นเอง เธอพบกับยาเสพติดหนึ่งแพ็ค เธอจึงคิดที่จะเอามันไปขาย

Kareena as Preet
                                                                                                   Source

Kareena Kapoor Khan เป็น Preet คุณหมอสาวประจำศูนย์พักพิงวัยรุ่นติดยาในปัญจาบ เธอมีความตั้งใจจริงที่จะช่วยบำบัดวัยรุ่นติดยาให้หายดีและส่งกลับคืนสู่สังคม และเธอยังต้องทำงานร่วมกันกับตำรวจอีกด้วย

Diljit as Sartaj
                                             Source

Diljit Dosanjh เป็น Sartaj ตำรวจหนุ่มชั้นผู้น้อยที่ต้องตามน้ำตำรวจเลวๆรุ่นพี่มาตลอดเพียงเพราะไม่อยากจะมีปัญหา เขามีน้องชายวัยรุ่นคนนึง และแน่นอนว่าเจ้าหนูนั่นก็ติดยา มันเลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันมาร่วมมือกับคุณหมอประกาศสงครามกับยาเสพติดเต็มตัว

Tommy Singh
                                                                                          Source

เรื่องของการแสดงไม่มีอะไรจะติเลยจริงๆ ครั้งแรกสุดที่เราเห็น trailer และบทของ Shahid เต็มๆ เราบอกได้เลยว่ามันคือบทที่เจิดที่สุดเท่าที่เขาเคยรับเล่นมา ใน Haider ว่าเหนือแล้ว แต่ Udta Punjab นี่ยิ่งกว่า Tommy Singh เป็นตัวละครที่ป่วงได้ใจ เป็นไอ้บ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งฉากที่ยื่นเยี่ยวใส่แฟนเพลงจากบนเวทีนี่คือที่สุดของที่สุด (ต้องขอใช้คำว่าเยี่ยวเลย จากสภาพที่เห็นใช้คำว่าฉี่มันเบาไปมาก) ตัวละครที่เป็นไอ้บ้าแต่หน้าตาดีแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้อีกแล้วนอกจาก Shahid ถ้าจะพูดว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็น Tommy Singh เราว่ายังไม่เกินไปด้วยซ้ำ ในส่วนของ Alia ก็เล่นดีมาก เป็นอีกบทบาทที่ท้าทายความสามารถไม่แพ้กัน ต้องเล่นเป็นสาวชาวบ้านมากๆทั้งที่ตัวเองเป็นคนเมือง ฉากที่โดนจับไปขายและโดนบังคับให้ยาก็ทำได้ดีมาก ยิ่งช่วงครึ่งหลังที่ออกมาเจอกับ Tommy แล้วทั้งสองคนเล่นได้เข้าขากันดี ทำให้เรื่องที่ควรจะซีเรียสดูน่ารักและตลกไปเลย Kareena เองก็ได้มารับบทเครียดๆหลังจากที่ร้างลากับบทหนักๆแบบนี้ไปซะนาน ซึ่งเธอก็ทำได้อย่างที่หวัง นานๆเราจะเห็นเธอเล่นหนังโดยไม่ต้องแต่งหน้ามาก เป็นคุณหมอใจดีที่มีชีวิตเรียบง่าย ทำให้เธอดูอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อเลย แม้แต่ Diljit เองก็ฉายแววเต็มที่เหมือนกัน บทนี้สำหรับนักแสดงมือใหม่เราว่าไม่ใช่ง่ายๆ โดยเนื้อแท้แล้วตำรวจคนนี้ไม่ใช่คนเลว หากแต่ด้วยระบบที่มันเน่าเฟะ ตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างเขาจะเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงกับพวกรุ่นใหญ่มันก็ไม่ไหว ก็เลยต้องตามน้ำไป เป็นไผ่ลู่ลมไปวันๆให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย เขาก็ต้องเล่นให้มันดูออกว่านี่ไม่ใช่เลวนะแต่เราไม่มีทางเลือกจริงๆ

Pinky
                                                                                                                         Source

นอกจากนี้เราไปอ่านเจอมาว่าทีมงานเขาทำการบ้านแบบละเอียดมากในการวางคาแร็กเตอร์ตัวละคร อย่างรอยสักบนตัว Tommy ที่มีเยอะมากก็ไม่ใช่ว่าจะหาอะไรมาวางให้มันลายพร้อยชุ่ยๆไปอย่างงั้นนะ เขาคิดมาแล้วว่าแต่ละลายมีความหมายอะไรบ้าง อย่างรอยสักปีกอันใหญ่ที่หลังสื่อถึงการมีปีกและการบินก็ตรงกับชื่อหนังพอดี Udta Punjab แปลว่า Punjab flying หรืออีกนัยนึงก็คืออาการ high นั่นเอง รอยสักชิ้นอื่นๆก็สะท้อนนิสัยและตัวตนได้อีกเหมือนกัน แถมยังมีรองเท้าที่ติดปีกเข้าไปอีก เหมาะกับบุคลิกเป็นบ้าเลย เราเองเห็นแล้วยังอยากได้มาใส่บ้าง หรืออย่างสำเนียงการพูดของ Pinky ที่จะต้องมีสำเนียงสาวชาวบ้านจากรัฐพิหารก็ดีไซน์ออกมาได้สมจริงสุดๆจนหวุดหวิดจะมีดราม่ากันไปด้วยซ้ำ

Tommy's back
                                                                                                                         Source

อีกสิ่งที่เราชอบใน Udta Punjab ก็คือมันสะท้อนให้เห็นจิตใจคนเรานะ Tommy มักจะเล่นยากับพรรคพวกเสมอ เวลาที่เล่นยาก็เฮกันไป ทุกคนชมชอบกับเพลงที่เขาแต่งมาได้โดยการพึ่งยา แต่เมื่อมาถึงจุดนึงที่การใช้ยามันเลยธงมากไป เขากลับโดนปฏิเสธจากคนพวกนั้นบางคน ดูแล้วก็ย้อนคิดว่าเฮ้ย ตอนที่รุ่งเรืองนี่มีอะไรก็เฮตามหมดเลยนะ แต่พอตกต่ำก็ถีบหัวส่งดีเหลือเกิน ทำไมตอนนั้นไม่คอยเบรกคอยเตือนกันละ เอาแต่เฮๆๆ สนุกสนานกันอย่างเดียว พอถึงวันที่ปัญหาประดังเข้ามาก็ทิ้งทุ่นกันซะอย่างงั้น

Udta Punjab
                                                                                                   Source

ที่พูดๆมานี่เหมือนจะดีใช่ปะแต่จุดที่พลาดมากๆคือบทเลย ไม่รู้เขาร้อยเรียงออกมายังไงให้ครึ่งแรกมันมีความอืดจนเราหลับอะ หลับไปตรงช่วงที่ Pinky เก็บห่อยาได้ในสวนแล้วก็วิ่งไปหาร้านหรือกลุ่มคนอะไรสักกลุ่มที่เธอคิดว่าน่าจะเอายาห่อนั้นไปขายได้อะแหละ ด้วยความที่โทนหนังมันมืดๆด้วยมั้งมันก็เลยพาให้ง่วงซะงั้น ตื่นมาอีกทีเธอก็โดนจับไปอยู่ในซ่องและโดนให้ยาเพื่อคุมตัวไม่ให้หนีแล้ว เมื่อเข้าครึ่งหลังที่ Tommy กับ Pinky ได้เจอกันแล้วก็กลับมาสนุกน่าติดตามขึ้นกว่าครึ่งแรก รวมทั้งในส่วนที่คุณหมอ Preet และคุณตำหนวด Sartaj ออกไปทำงานสืบแหล่งผลิตยาร่วมกันด้วย นอกจากจะร้อยเรียงเรื่องออกมามีจุดอืดแล้วก็ยังไม่มีจุดพีคอีก ไอ้ตรงที่คิดว่าน่าจะพีคก็ดันไปไม่สุด อารมณ์เหมือนปวดท้องมากๆแต่ไปนั่งจริงกลับออกมานิดเดียว ยังดีที่มีความตลกสอดแทรกไปเรื่อยๆ เแม้จะป็นมุกที่คนไทยดูไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่คนอินเดียหัวเราะกันทั้งโรงก็เหอะ มันไม่ใช่มุกตลกแบบในหนังตลกอะแต่จะเรียกอะไรก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ไม่รู้ผิดพลาดที่การแปลหรือเป็นที่ความแตกต่างทางวัฒนธรรมจริงๆ


เพลงประกอบนี่ก็มีหลายเพลงนะ มีทั้งเพลงเร็วและเพลงช้า ที่สำคัญเลยคือติดหูทุกเพลง ในส่วนของเพลงเร็วอย่าง Chitta Ve ที่เหมือนเป็นเพลงประจำตัว Tommy ก็ทำออกมาได้เข้ากับบุคลิกภาพฮีมากๆ มีความเป็นร็อกที่ไม่ใช่ฮาร์ดร็อกแบบยุคคุณพ่อยังหนุ่ม แต่เป็นอิเล็กโทรนิคร็อกที่เหมาะแก่การเสพยาเป็นอย่างมาก ฟังแล้วอยากถือเบียร์มายืนโยกในผับ ท่อนแร็พรึก็เอามาผสมได้อย่างลงตัว ต่อให้เป็นเพลงที่ทำออกมาโดยไม่เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เราก็ชอบได้ไม่ยากเลย ในส่วนของเพลง Ikk Kudi ก็หวานน่ารัก ฟังได้ไม่มีเบื่อ หรือจะเป็น Da Da Daase ก็น่ารักสดใสดีเหมือนกัน


เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Udta Punjab เป็นหนังที่ดีมากเรื่องนึง ดีด้วยแมสเสจของมัน ดีที่การสะท้อนสังคมให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ข้อเสียของมันสำหรับผู้ดูที่ไม่ใช่คนอินเดียก็คือมันไม่อิน เราไม่เคยรู้สถานการณ์ที่นั่น เราไม่ใช่คนปัญจาบ ดูไปมันก็ไม่อินกับเรื่องได้เท่าคนพื้นที่ สังคมคนติดยาที่เห็นในหนังมันก็คนละบริบทกับสังคมคนติดยาแบบไทยๆน่ะ แต่ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนอินเดีย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของวัยรุ่นติดยาที่นั่น สิ่งนึงที่เราได้รับมาเป็นข้อคิดจากหนังก็คือใครที่ริไปยุ่งกับยาเสพติดก็มีแต่ซวยกับซวย แม้จะไม่ได้คิดเสพคิดลองเองก็ตาม ดูอย่าง Pinky สิ แค่เจอห่อยาตกแล้วความโลภบังตาคิดจะเก็บยาไปขาย เท่านั้นแหละชีวิตเปลี่ยนเลย อีกอย่างคือตัวเราเองอาจจะมีความคาดหวังให้หนังสะท้อนปมว่าทำไมคนถึงแห่กันมาติดยาเยอะขนาดนั้นด้วย (อารมณ์หนังเสียดายของท่านมุ้ย) แต่หนังไม่ได้กล่าวถึงอะไรแบบนั้นเลย แม้สักนิดเดียวก็ไม่มี เลยเหมือนจะผิดหวังนิดๆละมั้ง เราเลยจะขอสรุปว่า Udta Punjab เป็นหนังดีที่ไปดูก็ได้ จะไม่ไปดูก็ไม่น่าเสียดายอะไรมากมายนัก แต่ก็ยังแนะนำให้แฟนๆ #teamshalia ไปดูอยู่ดี เพราะเรื่องนี้เคมีของทั้งสองคนเข้ากันได้ดีมาก มีความฟินแบบแปลกๆของหญิงบ้ากับชายบ๊อง น่ารักไปอีกแบบดี และสุดท้ายคู่รักเก่าอย่าง Shahid และ Kareena ก็ไม่มีซีนไหนที่แสดงร่วมกันเลยในหนังเรื่องนี้