Friday, 10 June 2016

Lakshmi

อย่างที่เราเคยพูดไว้บ่อยๆว่าหนังที่เราชอบมักจะเป็นหนังที่นำเสนอประเด็นหนักๆ มีความเข้มข้น ความเครียด มีความดราม่าในโชคชะตาชีวิตหรือสถานการณ์ที่ตัวละครหลักต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นหนังฝรั่ง หนังไทย หรือแม้แต่หนังอินเดียสุดโปรดก็ตาม และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งนึงที่เราจะแนะนำหนังอินเดียที่โดนแบนในประเทศตัวเองให้ได้รู้จักกัน

                                                        Source

Lakshmi เป็นหนังบอลลีวู้ดที่สร้างมาจากเรื่องจริง บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาววัย 13 ปีที่ถูกพ่อบังเกิดเกล้าขายให้กับแม่เล้าเพื่อไปทำงานค้าบริการ เรียกง่ายๆแบบภาษาไทยก็คือตกเขียวนั่นเอง นำแสดงโดย Monali Thakur นักร้องสาวที่ผันตัวเองมาเป็นดารา ความหดหู่ไม่ได้จบแค่การที่พ่อขายลูกเข้าซ่องเท่านั้น แต่ก่อนที่เธอจะถูกส่งถึงมือแม่เล้าเธอต้องไปพักที่บ้านนายทุนเจ้าของธุรกิจค้ากามหญิงสาวก่อน และที่นั่นเองที่เธอโดนประเดิมโดยไอ้แก่หัวล้านนายทุนคนที่ว่า ชะตากรรมของ Lakshmi หลังจากที่โดนขายเข้าซ่องมาแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับหญิงค้าบริการอื่นๆ เธอต้องรับแขกไม่รู้กี่คนต่อวัน ติดโรค ไข้ขึ้น นอนซม จนในที่สุดมีทีมนักสังคมสงเคราะห์พาตำรวจไปบุกทะลายซ่องและช่วยหญิงค้าบริการที่นั่นออกมาจนหมดและพบว่า Lakshmi เป็นผู้เยาว์คนเดียวในที่นั้นจึงแนะนำให้ฟ้องศาล เธอทั้งอดทนและเข้มแข็ง แม้จะรู้ว่ามันยากแค่ไหนกับการที่จะชนะคดี เจอทั้งคำขู่ เจอทั้งการติดสินบนให้ล้มคดี แต่เธอและทนายก็ไม่ยอมแพ้ ร่วมกันต่อสู้จนเอาชนะได้ในที่สุด

                                                                                        Source

ความดีงามของหนังเรื่องนี้อยู่ที่การเอาชีวิตจริงมาเล่า ทำให้คนได้ตระหนักถึงปัญหาการตกเขียวที่ยังมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในประเทศอินเดียหรือแม้แต่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ส่วนตัวชอบสีสันที่เลือกใช้ด้วย มันสด มันฉูดฉาด เหมือนจะเป็น symbolic ของผู้หญิงอาชีพพิเศษด้วยซ้ำ art direction ก็ดูดี แม้จะไม่ใช่หนังแถวหน้าที่มีดาราระดับแม่เหล็กหรือหนังทุนสร้างสูง แต่เนื้องานปราณีตไม่ต่างกับหนังเกรดเอเลย นักแสดงเองก็เป็นที่รู้จักอยู่ไม่กี่คน เอาที่เราเองจำหน้าได้จริงๆ ณ ช่วงเวลาที่ดูก็จะมี Monali และ Ram Kapoor ที่รับบททนาย นอกนั้นใครก็ไม่รู้ หน้าไม่คุ้นเท่าไหร่แต่ว่าแสดงกันถึงบทบาทดีมากจริงๆ แต่หลังจากดูหนังจบไปแล้วพักใหญ่ถึงมาค้นพบว่ายังมี Shefali Shah ร่วมเล่นด้วย และบทที่เล่นคือแม่เล้า โอววว อึ้งไปเลย

                                                       Source

อีกอย่างที่น่าแปลกใจในหนังก็คือการ cast ดารานำ ณ ปีที่ Monali รับเล่นหนังเรื่องนี้เธอน่าจะมีอายุประมาณ 27-28 ปี ไม่น่าเชื่อว่าทีมผู้สร้างตัดสินใจเอาคนอายุจ่อหลักสามรอมร่อมารับบทเด็ก อายุ 13 ได้ ครั้งแรกที่เราเห็นภาพ Lakshmi ในหนังเราก็รู้สึกว่าทำไมเด็กคนนี้ดูเป็นเด็กโข่งพิกล ดูแล้วเหมือนคนที่ผิดปกติโตแต่ตัวแต่พฤติกรรมเหมือนเด็ก 11-12 อะไรแบบนี้มากกว่า เพราะอายุ 13 มันก็วัยรุ่นแล้ว แต่เรากลับไม่รู้สึกว่า Lakshmi เป็นวัยรุ่นเลย ตรงนี้อาจจะเป็นเพราะความเป็นชาวบ้านชนบทก็ได้ที่เด็กจะดูโตช้ากว่าเด็กที่อาศัยในเมือง มันเลยได้ฟีลลิ่งแปลกๆในการดู เอาผู้หญิงวัยยี่สิบปลายมาเล่นเป็นวัยรุ่นแต่กลับออกมาเหมือนผู้หญิงที่โตแต่ตัวแต่พฤติกรรมกลับไม่สอดคล้องไปตามวัย แทนที่จะดูเหมือนวัยรุ่นอย่างที่ควรจะเป็น แต่พอดูไปเรื่อยๆความเข้มข้นของเนื้อเรื่องก็ทำให้เราลืมจุดนี้ไปเองเพราะมัวไปโฟกัสอยู่ที่ความดราม่าในโรงในศาล

มีฉากที่พีคอยู่ฉากนึงใน Lakshmi เราเชื่อนะว่าถ้าใครได้ดูจะต้องย้อนถามตัวเองเหมือนกัน มันเป็นฉากที่ลูกสาวของแม่เล้ารู้ความจริงว่าแม่ของตัวเองทำงานอะไรกันแน่ เป็นการพบความจริงแบบไม่บังเอิญเท่าไหร่ มีพวกแมงดาคุมซ่องเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ทำให้เธอต้องพลอยมารับรู้ความจริงที่ทุเรศอันนี้ทั้งๆที่แม่ปกปิดเธอมาตลอด ลูกสาวอึ้ง สับสน และเสียใจมาก เธอพูดขึ้นมาคำหนึ่งว่าเงินที่เธอใช้เรียนหนังสือใช้จ่ายอย่างมีความสุขทุกวันนี้มาจากเงินที่แม่ทำสิ่งพวกนั้นกับชีวิตเด็กสาวและผู้หญิงคนอื่นๆงั้นเหรอ เออ เราฟังแล้วย้อนถามตัวเองเลยนะว่าถ้าเราเป็นเธอเราจะรับได้มั้ย เราจะรู้สึกยังไงบ้างที่เงินที่เราจับจ่ายใช้สอยทุกวันนี้มันแลกมาด้วยคราบน้ำตาและศักดิ์ศรีของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราจะยังสามารถรักและศรัทธาแม่ตัวเองได้มั้ยถ้าพบว่าแม่เรามีอาชีพที่ ... จะใช้คำว่าอะไรดีวะ อืมม ส่วนตัวต้องบอกว่าน่าอายกว่าการเป็นพนักงานดูดส้วมซะอีก สำหรับเรานะ หนังที่สามารถสร้างคำถามหรือสร้าง impact แรงๆแบบนี้ให้เราได้คือหนังที่จัดว่าดีเลยแหละ


อีกซีนนึงที่จำติดตาไม่แพ้กันก็คือฉากที่ Lakshmi ขึ้นศาล เธอต้องให้การต่อศาลว่าเธอโดนไอ้หัวล้านเจ้าของซ่องนั่นกระทำอะไรต่อเธอบ้าง แล้วไอ้ทนายส้นตีนของฝั่งนั้นก็พยายามจะใช้คำถามที่เบี่ยงเบนประเด็นให้ เหมือนกับว่าลูกความตัวเองแค่ลวนลามแต๊ะอั๋งนิดๆหน่อยๆพอหอมปากหอมคอ ไม่ได้ข่มขืนซะหน่อย ซึ่งศาลก็ต้องการรับฟังจากปาก Lakshmi เองนั่นแหละว่าสิ่งที่เธอเจอจริงๆคืออะไร แน่นอนว่าในคดีข่มขืนแบบนี้ผู้เสียหายจะต้องพูดทุกอย่างแบบหมดเปลือกว่าไอ้ชายชั่วพวกนั้นมันทำระยำตำบอนอะไรกับร่างกายของเธอบ้าง มันโคตรจะเป็นบาดแผลในใจเลยนะ คงไม่มีใครอยากจะนึกถึง แค่จะพูดเล่ากับเพื่อนสนิทก็ยังไม่อยากจะเอ่ยคำแล้วเลย นับประสาอะไรกับพูดต่อหน้าธารกำนัลอย่างในศาลแบบนั้น เราเองไม่เคยมีประสบการณ์หนักแบบนั้นหรอก แต่สมัยเรียนต่างประเทศเราเคยโดนลวนลามทางคำพูดจากไอ้อ้วนโรคจิตที่ต่อแถวข้ามถนนข้างหลังเรา วันนั้นเราไปช็อปปิ้งกับรุ่นน้องผู้หญิงคนนึงในเมืองและเรากับน้องกำลังจะข้ามถนนไปที่ห้างอีกฝั่ง ระหว่างที่รอไฟแดงอยู่ก็มีไอ้อ้วนคนท้องถิ่นมาพูดพึมพำอะไรข้างหลังเรา ตอนแรกเราฟังไม่ชัด เราก็เลยหันไปมอง ทีนี้เลยเห็นปากมันถนัดและได้ยินเสียงที่ชัดขึ้นด้วย เชี่ยเอ๊ยยย แค่เราพิมพ์เล่าพวกคุณอยู่เนี่ยเราก็พิมพ์ไม่ได้แล้วว่ะ แม่งโคตรขยะแขยงเลย ทั้งๆที่เราเป็นคนหน้าด้านใช้ได้อยู่นะ แต่นึกขึ้นทีไรมันก็รับไม่ได้จริงๆ คือมันพูดถึงว่าเราทำอะไรกับมันในลักษณะไหนนั่นแหละ รู้แค่นี้ละกัน ทีนี้น้องเขาไม่ได้ยินชัดเท่าเรา เขาคิดว่ามันพ่นด่าคนเอเชียตามประสาพวกเหยียดผิว เราเลยต้องบอกน้องว่าไม่ใช่เว้ย แม่งพูดทำนองอย่างงั้น น้องมันเลยถามว่าพูดคำว่าอะไร นั่นละ คิดดูว่าขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกัน สนิทกัน กินนอนบ้านเดียวกัน เรายังไม่อยากเล่าซ้ำเลย มันติดหูติดตามาก หลอนโคตรๆ นึกถึงฝรั่งอ้วนๆวัย 40 กว่าตัวเหม็นๆออกปะ นั่นแหละ อ้อ แล้วที่แม่งหดหู่ยิ่งกว่านั้นคือตอนที่เราหันกลับไปมองมัน ผู้คนอื่นๆที่อยู่รอบตัวมันและเราก็เหมือนไม่ได้รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่มีใครรับรู้ว่ามีไอ้อ้วนหื่นกามกำลังพูดจาไม่ดีใส่ผู้หญิงคนนึง และมีผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อ sexual harassment อยู่ตรงนั้นอีกหนึ่งคน น่าเศร้ามั้ยละ เราย้อนนึกถึงเรื่องราวตัวเองแล้วเข้าใจเหยื่อข่มขืนเวลาที่ต้องขึ้นให้การในชั้นศาลมากเลย อะไรหลายๆอย่างที่จะต้องพูดต้องเล่ามันไม่ง่ายเลยจริงๆ กับเราที่โดนลวนลามทางคำพูดยังเล่ายากขนาดนี้ แล้วคนที่โดนกระทำจริงๆจะยิ่งยากขนาดไหน

Lakshmi เป็นหนังที่ค่อนข้างหดหู่ มีความสิ้นหวังของผู้หญิงบริการที่เคยหาเงินได้ง่ายๆจากใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อสนองความใคร่ ง่ายซะจนการทำงานปกติอย่างอื่นมันยากเกินไป ยากจนท้อ ในที่สุดก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตในวังวนเดิมๆอีกแม้ซ่องเดิมจะโดนปิดไปแล้ว เราดูแล้วโคตรหดหู่เลย สังคมเรามันเป็นอะไรกันไปหมด ถ้าการทำงานปกติมันยากเกินไปนี่ไปขอทานเขากินดีกว่ามั้ย ก็ไม่ต่างอะไรจากขายเรือนร่างตัวเองหรอก โดนดูถูกเหมือนกัน หรือว่าที่อินเดียประชากรขอทานมีเยอะแล้ว ทำมาหากินฝืดเคือง แต่การขายตัวนี่มีลูกค้ามาได้เรื่อยๆมากกว่า แบบนี้น่ะเหรอ เป็นหนังที่ดูแล้วทำให้นอนคิดฟุ้งซ่านกลับไปกลับมาได้ทั้งคืน คิดหาว่าใครผิด ผู้ชายที่มีความอยากไม่สิ้นสุดผิด ผู้หญิงที่งอมืองอตีนไม่ยอมทำงานอย่างอื่นผิด หรือพวกที่จับเด็กมาขายตัวผิด ไม่รู้จะโทษฝ่ายไหนดีจริงๆ

                                                                                        Source

ก่อนจบขอเตือนอีกนิดหน่อยว่ามีฉากหวาดเสียวอยู่บ้างแต่จะหวาดเสียวยังไงและขนาดไหนนั้นไม่ขอบอก อุบไว้ให้ไปลุ้นกันเอาเอง ตื่นเต้นดี สามารถหาดูได้ในยูทิวบ์นี่แหละ มีซับอังกฤษด้วย ย้ำอีกทีว่าหนังไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนที่ใช้ชีวิตโลดแล่นสดใสอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ณ ดินแดนฝรั่งเศสตอนใต้มาตลอดชีวิต เจอแค่ตอนที่พ่อแท้ๆขายลูกให้แม่เล้านี่คงช็อคจนปิดทีวีทิ้งแล้วมั้ง แต่สำหรับใครที่ชอบเสพย์หนังเครียดๆ หนังมีประเด็นปัญหาสังคมที่หนักหน่วง Lakshmi เป็นหนังอินเดียอีกเรื่องที่เหมาะกับคุณแล้วละ





Location: Bangkok, Thailand

0 comments:

Post a Comment

แสดงความเห็น แนะนำ ติชม เข้ามาได้ตามสะดวกนะ