ผู้ชายชาวอินเดียคนนึง เขาเป็นหนุ่มชาวบ้าน เป็นชาวนา
เป็นน้องชายที่ทะเล้นน่ารักของพี่สาวคนเดียวของเขา
เป็นพ่อของลูกสาวที่น่ารักสองคน และเป็นผัวของหญิงสาวที่เขารักและเธอก็รักเขา
ยามเสร็จจากงานก็มีสวีทกับเมียบ้างเป็นธรรมดา
หรือว่างๆก็ชอบเล่นมวยปล้ำ
แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับถูกจองจำในคุกที่ปากีสถานเป็นเวลาร่วม 20 ปีในข้อหาเป็นสายลับจากอินเดียและก่อการร้าย ทั้งๆที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเลย และศาลปากีสถานมีบทลงโทษคือตัดสินประหารชีวิต ... นี่คือเรื่องจริงของผู้ชายชาวอินเดียที่ชื่อว่า Sarabjit
หนังบอลลีวู้ดเรื่อง Sarbjit นี้สร้างมาจากเรื่องจริงของชายชาวอินเดียจากแคว้นปัญจาบที่ชื่อ Sarabjit Singh Atwal รับบทโดย Randeep Hooda เราจะเห็นได้ว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายบ้านๆคนนึงที่ทำนาหาเลี้ยงชีพ อาศัยอยู่กับพี่สาว (ที่เลิกกับผัว) ชื่อ Dalbir Kaur รับบทโดย Aishwarya Rai Bachchan อยู่กับเมียที่รับบทโดย Richa Chadda และลูกสาวสองคน รวมทั้งพ่อวัยชรา ชีวิตของเขาดูจะเรียบง่ายดีตามประสา เขาเป็นที่รักของพี่สาวที่เลี้ยงเขามากับมือ เป็นน้องที่ทะเล้นน่ารัก เป็นผัวที่สวีทกับเมีย และเป็นพ่อของลูกสาววัยกำลังน่ารักถึง 2 คน แต่แล้ววันนึงที่เขาออกไปเมากับเพื่อน เมาแประจนเผลอเดินข้ามเขตแดนเข้าไปยังเขตของปากีสถาน เชื่อมั้ยว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นเขาก็โดนจับ จากนั้นก็โดนยัดข้อหาว่าเป็นสายลับจากอินเดียที่มีส่วนร่วมในการวางระเบิด แล้วก็มีคนปากีสถานตายหลายคน เขาบอกว่าตัวเองเป็นแค่ชาวนาธรรมดาก็ไม่มีใครฟัง เอาแต่คาดคั้นให้เป็นคนร้ายให้ได้ เขาติดคุกแบบแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน พี่สาวคนเดียวของเขาที่รักเขาสุดหัวใจต้องออกมาสู้กับทุกทาง สู้ทุกๆอย่างเพื่อเรียกร้องอิสรภาพของน้องชาย จากเดือนเป็นปี ผ่านปีเป็นหลายๆปี จนกว่าจะได้พบกัน (ได้เยี่ยมในคุก) พร้อมรอยน้ำตา
อวยกันตรงๆเลยละคุณ พอดีเป็นคนตรงๆไม่อ้อมค้อม คือหนังนี้ดีมากจริงๆ ตั้งแต่เปิดฉากมาก็เหมือนดูดคนดูอย่างเราให้เข้าไปอยู่ในหนังได้เลย การสร้างหนังจากประวัติคนจริงๆหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนี่ไม่ง่ายนะแต่หนังทำให้เรารู้สึกเรียลมาก ไม่เหมือนดูการแสดงสักนิด เรารู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในหนังและไปร่วมรับรู้ความเจ็บปวดร้าวรานของครอบครัว Sarabjit ได้เป็นอย่างดี เหมือนพวกเขาได้แชร์ความร้าวรานอันนั้นมาให้เราร่วมแบกมันเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกันจนหนังจบ ความเศร้าและความร้านรานต่างๆมันค่อยก่อตัวขึ้นตามระยะเวลาของหนัง เหมือนผู้กำกับและทีมนักแสดงค่อยๆเอาลูกตุ้มมาถ่วงเข้าบนบ่าเราทีละนิดๆ ค่อยๆเพิ่มไปเรื่อยจนพีคขั้นสุด เริ่มเศร้าครั้งแรกก็ตอนที่ Sarabjit เดินหลงเข้าไปในเขตปากีสถาน คือเดินเข้าไปไม่กี่ก้าวอะ โดนจับแล้ว ลำพังว่าโดนจับไม่เท่าไหร่ แต่วิธีการคือพวกทหารนั่นวิ่งกรูลงมาจากรถแล้วทุบตี เอาผ้าห่อตัวอีก แล้วอุ้มขึ้นรถหายไปเลย ซีนนี้บีบคั้นอารมณ์เราได้จริงๆ ทั้งเศร้าทั้งโมโหระคนกัน เฮ้ย ไอ่หอย คือมึงก็เห็นว่าไอ่นี่มันเมา คนเมาอ้ะ มึงยังจะไปอะไรกับเค้าอีกวะ คนเมามันก็เดินเปะปะแบบนี้แทบทั้งนั้นปะวะ ข้ามเขตมากี่ก้าวกันเชียว มึงบ้าบอปัญญานิ่มจนไม่รู้จักแยกแยะ สุดท้ายแม่งทำชีวิตคนๆนึงตายทั้งเป็น สลัดเอ๊ย เราดูแล้วแบบโมโหยังงี้จริงๆ แล้วตอนที่โดนจับขังไว้ในกล่องไม้อีก มีการเอาหนูเป็นๆมาเทใส่ มีการซ้อมจนเลือดซิบทั่วร่าง แล้วก็ลากมาใส่กล่องตามเดิม ปิดฝาและเทน้ำลงไปถึงระดับไหล่ ข้าวปลาอาหารไม่ได้กิน น้ำดื่มไม่มีให้ ถ้าจะขี้จะเยี่ยวนี่ทำตรงไหนไม่อยากนึก โอ๊ยยย คือเป็นเรานี่แม่งกัดลิ้นตายห่าไปตั้งกะตอนนั้นแล้วคุณ ชีวิตแม่งหมดหวังหมดอาลัยตายอยากไปแล้วอะ จะไม่ทนไม่รอได้หลายปีแบบนี้หรอก ตายๆหนีโลกอันทรมานไปให้มันจบ เมียจะมีผัวใหม่ลูกจะอะไรยังไงคงไม่คิดแล้ว สูญสิ้นอิสระขนาดนี้ตายซะดีกว่าอยู่ ความรู้สึกที่ว่านี้มันพรั่งพรูออกมาตลอดขณะที่ดูหนังเลย หนังทำให้เรามีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้ขอคารวะจากใจหนึ่งจอก
จอกที่สองขอคารวะให้กับนักแสดงนำสองคนพี่น้อง (เฉพาะในเรื่องนะ) ได้แก่ Aishwarya Rai Bachchan และ Randeep Hooda ทั้งสองคนเล่นดีมากๆเลย มากจนพูดได้ว่าเป็นงาน masterpiece ของทั้งคู่ไปแล้วหนังเรื่องนี้ ขออวยแอชก่อนนะ ดีงามสามโลกอะ เราอาจจะเคยดูเธอเล่นบทหญิงแกร่งมาบ้างแต่กับเรื่องนี้มันเข้มข้นกว่ามาก ทั้งแกร่งและร้าวรานแตกสลายในคนเดียวกัน
สภาพตอนที่เธอปะทะกับพวกตาลีบันนี่ทำเราติดตาไม่ลืม แววตาของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ ปากสั่น ตัวสั่น กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกด้วยความโมโห พร้อมกับร้องท้าทายว่ามาฆ่าฉันสิ ถ้าแน่จริงก็ยิงเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงตัวคนเดียนี่แหละ เราขอคารวะทั้งแอชและทั้งคุณ Dalbir ตัวจริงเลย เธอเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมากจริงๆ ตัวเล็กแต่ใจใหญ่มาก กล้าท้าชนและทุ่มเททุกอย่างเพียงเพราะความรักในตัวน้องชาย แอชเล่นได้ถึงสุดๆ อย่างชนิดที่ว่าถ้าไม่ใช่เธอก็คงไม่มีดาราสาวฝั่งบอลลีวู้ดคนไหนเหมาะสมกับบทนี้อีกแล้วละ
จะอวย Randeep คงต้องแยกมาอีกย่อหน้าเพราะงานนี้อวยแบบจัดเต็มไส้ปลิ้นแน่นอน โดยส่วนตัวเรารู้สึกว่าเขาเป็นดาราชายฝั่งบอลลีวู้ดที่ถูกประเมินต่ำไปหน่อย ได้เล่นหนังที่ไม่ได้ดังมากอะไร บทก็ออกแนวตัวร้ายตัวโกงหรือถ้าเป็นพระเอกก็ออกแนวเซ็กซี่ขยี้สาวหลายๆเรื่อง พูดง่ายๆเหมือนเป็นพระเอกแถวสองมาโดยตลอดน่ะ น่าน้อยใจ ทั้งๆที่เขามีความสามารถมาก พิสูจน์ได้จาก Highway แต่ใน Sarbjit นี้ยิ่งเห็นชัดเจนว่าความสามารถของเขามันแถวหน้าชัดๆเลย เริ่มแรกจากที่รับบทชาวนาชาวบ้าน เขาก็เป็นได้อย่างแนบเนียนสมจริง ไม่เหลือคราบตัวร้ายเท่ๆหรือพระเอกเซ็กซี่คนเดิมเลย เป็นไอ้หนุ่มชาวนาหน้าหนวดจริงๆ
แค่นั้นยังไม่พอ เขายังต้องลดน้ำหนักอย่างมากเพื่อให้เหมาะสมกับฉากติดคุกด้วย ก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งจบจากหนังอีกเรื่องไปที่รับบทเป็นนักมวยร่างบึ้ก แต่มาเรื่องนี้ต้องลดน้ำหนักลงมามากเป็น 20 กิโลกรัมภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือนดี สุดยอดอะ ทำได้ยังไง เรื่องการแสดงนี่หายห่วงเลย บีบคั้นมาก เริ่มแรกจากบทชายชาวนาหน้าบ้านๆ ทะเล้นกับพี่ สวีทกับเมีย โดนจับ ถูกซ้อม ทรมาน ร่างกายผ่ายผอม ผมเผ้ารุงรัง ปากแตกระแหง มีแผลตามเนื้อตัว จากสภาพที่เห็นนี่ถ้าจอหนังส่งกลิ่นได้คงต้องดมยาดมไปดูไปแล้วอะ
ยิ่งช่วงครึ่งท้ายของหนังซีนอารมณ์นี่ฮีจัดเต็ม ทั้งกับพี่สาวและเมีย แล้วก็ลูกๆอีก มีหลายฉากตอนเข้าไปเยี่ยมกันในคุกที่เรียกน้ำตาได้หลายถ้วยตวง เราร้องไห้แบบปล่อยโฮออกมาเลยนะ ไม่อายใคร ปล่อยน้ำตาไหลพรากๆแบบไม่แคร์ว่าจะหยุดตอนไหน ตั้งแต่ดูหนังมาร้องไห้มากที่สุดก็กับ Sarbjit นี่แหละ
และเราจะได้เห็นพัฒนาการทางอารมณ์ที่สวิงไปมาของตัว Sarabjit ได้เยอะมาก บางครั้งเขาก็หวาดกลัวและลนลาน บางครั้งเขาก็ดูมีความหวังที่จะได้รับการปล่อยตัว บางครั้งก็ออกแนวปลงอย่างคนโลกสวย บอกให้พี่สาวไปช่วยคนอื่นๆที่ตกที่นั่งเดียวกับตนบ้าง แต่บางครั้งก็หดหู่หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตซะอย่างงั้น Randeep เก็บรายละเอียดทางอารมณ์ของตัวละครที่มันสวิงไปมาได้ดีมาก แม้กระทั่งการติดคุกนานๆแล้วมีคนเปิดหน้าต่างประตูให้แสงลอดเข้ามาแยงตาที เขาก็ทำสมจริงมากจนสะพรึง เหมือนไม่ได้แสดง เหมือนเขาไปแอบถ่ายมา ถ้าเราเปรียบการแสดงของแอชเหมือนเทพีในภาคเกรี้ยวกราด การแสดงของ Randeep ก็เหมือนเทพบุตรที่แสนอ่อนไหวและเจ้าน้ำตา เล่นซะขนาดนี้ถ้าไม่ได้นำชายนำหญิงนี่มีเคืองนะพูดเลย
ทีมนักแสดงคนอื่นๆก็ดีงามไม่แพ้กัน ทั้ง Richa Chadda ที่เล่นเป็นเมียผู้ทุกข์ตรมได้อย่างไม่มากไม่น้อย ที่สำคัญเลยรูปหน้าเธอเหมือนกับเมียตัวจริงของ Sarabjit Singh ด้วยสิ เด็กที่เล่นเป็นลูกสาวในช่วงโตก็เล่นดี คุณพ่อแก่ๆแม้จะบทไม่ได้เยอะมากก็เล่นดี คุณพี่เขยก็ไม่เลว คุณทนายทั้งคนใหม่คนเก่าก็สมบทบาทมาก กล้าพูดเต็มปากแคสติ้งทั้งคณะล้วนดีงาม หาที่ติอะไรไม่ได้เลยให้ตาย ขอดื่มคารวะเป็นจอกที่สาม
อีกอย่างที่ต้องอวยคือ score ประกอบหนัง เร้าอารมณ์ได้อย่างถูกจังหวะมาก
เริ่มเรื่องมามีเพลงที่สื่อถึงความเป็นประเทศอินเดีย ยิ่งใหญ่และสวยสดงดงาม
ฉากเศร้าๆพีคๆนี่ก็ขยี้หัวใจกันคามือ
เมโลดี้มันกรีดลึกไปกับความโศกเศร้าของชะตากรรมเบื้องหน้าเรามาก
ทุกอย่างถูกใส่ลงมาถูกจังหวะและลงตัวไปหมด
มีเพลงเต้นหนึ่งเพลงสำหรับใครที่อาจจะยังอยากดูการเต้นอยู่
มันมาในฉากงานหมั้นของพี่สาวตั้งกะต้นๆเรื่อง ในฉากนี้เราจะได้เห็น Randeep
ในมาดที่ไม่คุ้นตาอย่างแรง ออกมาเต้นส่ายก้นดุ๊กดิ๊กๆหน้าหนวด โอ๊ยย มันเขี้ยวมาก
เราจำได้ว่าเท่าที่เคยดูหนังฮีมาเจอเต้นแค่สองหรือสามเรื่องเอง แต่ Sarbjit
นี่ฮีเต้นสะบัดที่สุดละ น่ารักไปอีกแบบ
ส่วนแอชเธอก็เต้นได้ดีงามของเธออยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ Richa
ก็ทำได้ดีพอตัวกับเพลงเต้นนี้ พวกเพลงช้ามีอีกจำนวนนึง
จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แน่ แต่ก็ออกแนวมิวสิควิดิโอนี่แหละ ดูเพลินๆ
ปูเนื้อเรื่องกันไป ไม่ได้เป็นเพลงที่ขัดจังหวะจนเหมือนเป็นส่วนเกิน
ไปดูเหอะ พูดจริงๆ เป็นการจ่ายเงิน 350 บาทเพื่อเข้าไปนั่งร้องไห้ที่โคตรคุ้มนะบอกเลย ไปลิ้มรสความโศกเศร้า ความกดดัน ความคับแค้นใจ ที่เกิดขึ้นเมื่อเราพบเห็นคนที่ได้รับความอยุติธรรม ได้เห็นความหาญกล้าของผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้เสพย์งานแอ็คติ้งดีๆ ถือว่าคุ้มมากสำหรับเงินเท่านี้