Showing posts with label Samanta Ruth Prabhu. Show all posts
Showing posts with label Samanta Ruth Prabhu. Show all posts

Wednesday, 9 November 2016

Eega


ห่างกายกันไปพักนึงเพราะติดภารกิจยุ่งเหยิงในชีวิตหลายอย่าง แต่ก็กลับมาแล้วตามคำเรียกร้อง (ไหนเหรอ ไม่เห็นได้ยินเสียงเรียกจากใครสักแอะ) ก็นั่นแหละ กลับมาทั้งทีก็จะต้องเลือกหนังที่น่าสนใจมารีวิวกันหน่อย คราวนี้จะพาออกจาก Bollywood อีกครั้งนึงนะ จะพาไปรู้จักกับหนังที่มีกราฟฟิคอันยอดเยี่ยม พล็อตเรื่องก็แบบอะโหย มึงคิดได้ยังไงกูยอมใจ เป็นหนัง telugu ที่ดูสนุก ดูง่าย และจะทำให้คุณตื่นตาไปกับกราฟฟิคเทพๆที่ไม่น่าเชื่อว่าคนอินเดียก็ทำได้

Eega
                                                 Source

Eega เป็นหนังภาษา telugu ที่ใช้กราฟฟิคเยอะมากเรื่องนึง จากผลงานการกับกำของผู้กำกับชื่อดังอย่าง S.S. Rajamouli เจ้าของผลงาน Magadheera อันระบือลือลั่น แต่สำหรับ Eega เนื้อหาของมันก็เป็นหนังรักที่เหมือนจะธรรมดา หนุ่มไปชอบสาว ตอนแรกสาวเจ้าไม่เล่นด้วย ดูจะรำคาญหน่อยๆตามสเปต็ปหนังอินเดียเขาละ จากนั้นพ่อหนุ่มก็ตื้อนิดๆจนสาวเจ้าใจอ่อนรับรักจนได้ แต่ความไม่ธรรมดาอยู่ตรงที่เมื่อพระเอกของเราโดนตัวร้ายที่หมายปองนางเอกอยู่เช่นกันเก็บซะ ฮีก็อวตารร่างใหม่มาในรูปแบบของแมลงวัน แล้วก็จับมือกับนางเอกเพื่อแก้แค้นอิตัวร้ายซะเลย และกราฟฟิคที่อวยกันว่าเด็ดดวงนักหนาก็อยู่ที่ตัวเจ้าแมลงวันนี่เอง


สิ่งที่เราชอบอย่างแรกเลยก็คือกราฟฟิค มันเนียน งานละเอียด งานพรีเมียม เทียบเท่าหนังฝรั่งดีๆเลยก็ว่าได้ ดูแล้วไม่รู้สึกสะดุด ไม่มีความไก่กาโผล่มาให้เห็นแม้แต่นิดเดียวจริงๆ เนียนตั้งแต่ฉากฟักไข่แมลงวันยันฉากจบเลยละ ตัวแมลงวันนี้ยังกับเอาไปส่องกล้องจุลทัศน์ให้ดูเลย ตา ขา บอดี้ สมจริงโคตรๆ มันเนียนจนละสายตาไม่ได้เลย ต้องจับจ้องตลอดด้วยความชื่นชม

Eega Poster
                                                                                         Source

อีกอย่างที่ชอบมากคือกิมมิคในการแก้แค้นของแมลงวัน หลายๆอันมันก็เป็นมุกธรรมดา หยิบมาจากเรื่องราวในการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราอะนะ แต่มันฮามาก อย่างเช่น ตัวร้ายกำลังนอนเอนให้ช่างมาโกนหนวด อีแมลงวันก็บินไปตอมหูช่างให้คันกระตุก พอคุณช่างแกกระตุกมีดในมือที่จ่อคอหอยไอ้ตัวร้ายก็เคลื่อนสิฮะคุณ โอ๊ยยย ฮาเป็นบ้า หรืออย่างฉากที่ตัวร้ายเข้าไปนั่งอบตัวในตู้อบแบบแก้วดีไซน์ อิตาแมลงวันก็แกล้งไปตอมในตู้ให้ยุกยิกๆ จนตู้เลื่อนว่ะ เลื่อนเฉยๆไม่พอ ดันเลื่อนไหลไปตรงพื้นทางลาดอีก ขำมากอะ พี่ตัวร้ายคือ Sudeep ดาวร้ายหน้าโหดมาดนิ่ง แต่พอต้องมาประสบชะตากรรมฮาๆนี่มันฮาแรง ฮากว่าคนที่เป็นบทตลกอยู่แล้วแต่แรกซะอีก

Nani and Sam
                                                                                          Source

เรื่องของบทบาทการแสดงเราว่าก็โอเคนะ อิตาพระเอก Nani เนี่ยเรายอมรับว่าไม่เคยดูงานฮีมาก่อน ได้ดู Eega เป็นเรื่องแรกก็คิดว่าประทับใจดี ดูเหมาะกับบทผู้ชายซื่อๆบ้านๆที่ติดกวนนิดๆ ส่วนนางเอกก็ Samantha Ruth Prabhu ที่เราดูงานเธอค่อนข้างบ่อยอยู่แล้ว และตัวร้ายอย่างคุณ Sudeep ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งหมดเล่นเข้าขากันดี ไม่มากไม่น้อย แต่ด้วยความที่เนื้อเรื่องมันก็ไม่ได้แปลกใหม่หวือหวาอะไรขนาดนั้น การแสดงมันเลยไม่รู้สึกว่าโดดเด่นกระแทกตา อาจจะเพราะกราฟฟิคมันเด่นกว่ามากแล้วก็ได้

Sudeep
                                                                                          Source

แต่จุดที่ต้องขอติแรงๆเลยก็คือบทบางจุดมันอ่อนเกิ๊นนนน นางเอกบทจะมีใจให้พระเอกก็มีง่ายเกินไป จนดูไม่สมจริง ดูแล้วรู้สึกว่าเฮ้ย ชีวิตจริงๆมีคนเปลี่ยนใจง่ายแบบนี้เลยเหรอวะ แถมที่เซ็งคือพอนางเอกรับรักได้ไม่ทันจะกี่วัน พระเอกก็โดนเก็บซะงั้น ยังไม่ทันจะมีโมเมนท์หวานชื่นคืนสุขอะไรเพื่อเซอร์วิสแฟนๆเลย พระเอกกลายร่างเป็นแมลงวันซะแล้ว ดูแล้วก็นึกสงสัยว่าทำไมต้องให้เป็นแมลงวันด้วยนะ เกิดใหม่เป็นสัตว์อื่นสงสัยคงไม่ impact ไม่แน่ว่าถ้าทำออกมาเป็นสัตว์อื่นหนังอาจจะไม่ดังแบบนี้ก็ได้ นี่ได้ไปฉายหลายประเทศมากเลยนะ เกาหลีญี่ปุ่นอะไรเขาก็ซื้อไปฉายกัน แถมมีทำอีเวนท์ให้เด็กน้อยมาแต่งชุดแมลงวันอีกอะ โคตรจะคาวาอี้เลย ที่เจ๋งกว่านัน้คือเคยไปฉายที่ Cannes ด้วยนะ
                                      
Eega in Japan
                                               Source
                                             
Eega ก็ถือเป็นหนังอินเดียอีกเรื่องนึงที่เราคิดว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง พล็อตเรื่องอาจจะบ้านๆ เป็นหนังรักทั่วไปสไตล์อินเดียที่คนอาจจะมองว่าเชย แต่มันฮาตรงการแก้แค้นของแมลงวันนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นกิมมิคต่างๆที่เจ้าแมลงวันใช้แก้แค้นบวกกับงานกราฟฟิคระดับเทพ แค่นี้ก็เป็นเหตุผลสองข้อที่พอเพียงแล้วในการจะไปหา Eega มาดู




Saturday, 3 September 2016

Manam

คราวนี้เรายังอยู่กันนอกวงการ Bollywood นะ และหนังที่จะมาแนะนำให้รู้จักกันคราวนี้เป็นหนังภาษา telugu (เตลูกู) ที่มีเรื่องราวว่าด้วยความรักแบบข้ามภพข้ามชาติ การกลับชาติมาเกิดใหม่แล้วรักกันอะไรแนวๆนี้แหละ เราคิดว่าเรื่องราวความรักสไตล์นี้ยังคงขายได้ดีทุกยุคทุกสมัยนะ ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือละครจากประเทศใดก็ตาม งั้นคราวนี้เรามาลองสัมผัสรสชาติของหนังรักข้ามภพแบบอินเดียดูมั่งแล้วกัน

Manam
                                                                                                           Source

หนังเรื่อง Manam เป็นผลงานของตระกูล Akkineni ที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในวงการหนังเตลูกูเลยก็ว่าได้ มาเล่นกันตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ และรุ่นลูกอีกสองหน่อด้วยกัน และผลงานเรื่องนี้ยังเป็นผลงานทิ้งท้ายวงการของคุณปู่ด้วย เพราะหลังจากที่การพากย์เสียงเสร็จสิ้นลง (ใช่ฮะ หนังอินเดียยังใช้ระบบพากย์เสียงอยู่) คุณปู่แกก็เริ่มป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เอาละ เรามาดูเรื่องย่อกันดีกว่า


จากรูปภาพที่เห็นด้านบนนี่เราขอเริ่มอธิบายด้วยตัวคุณลุงใส่สูทดำก่อนแล้วกัน ลุงคนนี้เหมือนเป็นตัวกลางที่เป็นตัวเชื่อโยงคนทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน คือลุงคนนี้หรือชื่อจริงคือ Nagarjuna ค้นพบว่าพ่อตัวเองที่เสียไปแล้วตั้งแต่ลุงแกยังเด็กได้กลับชาติมาเกิดเป็นไอ้หนุ่มคนนั่งเก้าอี้นี่ รับบทโดย Naga Chaitanya ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆของลุงคนตะกี้ในชีวิตจริง ทีนี้มาถึงคุณปู่ที่นั่งพื้นบ้าง แกคือคุณปู่ใหญ่ Nageshwara Rao ของตระกูล Akkineni อย่างที่บอกไปข้างต้น ในเรื่องนี้แกจะรู้ว่าพ่อของแกที่เสียไปตั้งแต่แกยังเด็กๆได้กลับมาเกิดเป็นคุณลงสูทดำนั่น และคุณลุงก็เป็นลูกชายแท้ๆในชีวิตจริงของแกอีก ส่วนหนุ่มนั่งเก้าอี้ก็คือหลานชายจริงๆของปู่นั่นเอง ทีนี้เริ่มเห็นความเชื่อมโยงบางอย่างในหนังแล้วใช่มั้ย มันเป็นเรื่องของโชคชะตาที่ดำเนินซ้ำรอยกันระหว่างคนจากสองยุคไงละ น่าสนุกแล้วใช่มั้ยเอ่ย

Akkineni-in-Manam
                                                                                                                         Source

เรื่องมันเปิดที่ประวัติของครอบครัวลุงสูทดำตอนเด็กๆ เห็นภาพว่าพ่อแม่รักกันยังไง ตั้งแต่ฉากแต่งงาน ฉากเข้าหอที่มี fan service เล็กน้อย ถึงตอนเริ่มท้อง ตอนคลอดลูก สุดท้ายมาทะเลาะกันหนักในวันเกิดลูกชาย หนักถึงขั้นนัดไปหย่า จนในวันไปเซ็นใบหย่านั่นแหละที่เสียไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ทั้งคู่ พอคุณลุงโตขึ้นก็กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก มีวันนึงแกเดินทางกลับเมืองบ้านเกิดแล้วเจอกับไอ้หนุ่มคนที่ว่าบนเครื่องบิน ซึ่งลุงจำได้ว่าฮีมีปานที่เดียวกับพ่อตัวเองพอดี แล้วจริงๆลุงแกระลึกชาติได้ด้วยแหละมั้ง เมื่อตามหาพ่อเจอแล้วลุงจึงตามหาแม่ ก็ปรากฎไปเจอแม่เป็นนักศึกษาสาวในเมืองนั้นแหละ รับบทโดย Samantha Ruth Prabhu ตลอดเวลาลุงก็พยายามจะให้พ่อแม่ในชาตินี้ของตัวเองได้สมรสสมรักกันเหมือนในชาติที่แล้ว

Nagarjuna-and-Sam
                                                                                                                         Source

พักการเล่าเนื้อเรื่องไว้ตรงนี้ก่อน มาชมการแสดงในช่วงแรกกันก่อนนะ เราชอบที่เอาผู้ใหญ่วัย 50 กว่าๆมาเล่นให้ง้องแง้งประจบคนอายุ 20 กลางๆเป็นพ่อแม่ มันน่ารักดีอะ กิมมิคแต่ละอย่างที่ใส่มาตั้งแต่ตอนเจอพ่อบนเครื่องบินมันน่ารักมาก ลุงพยายามจะเข้าไปใกล้ด้วยอาการโหยหาความอบอุ่นจากพ่อแต่ไอ้หนุ่มนั่นรำคาญแบบหลอนๆเหมือนกลัวโดนเกย์แก่ลวนลามอะไรทำนองนั้น แล้วตอนที่เจอแม่อีก พอรู้ว่าหอพักมหาลัยของแม่คุณภาพไม่ค่อยดีนักก็สั่งลูกน้องให้ไปปรับปรุงให้แม่ซะใหม่เอี่ยมชนิดหน้ามือเป็นหลังตีนเลย

Manam-Sriya-Nagarjuna
                                                                                                                         Source

วกกลับมาที่เนื้อเรื่องกันต่อ มีอยู่วันนึงลุงสูทดำแกก็เดินทางจะไปไหนสักที่นี่ละ แล้วอยู่ๆมีผู้หญิงคนนึง รับบทโดย Shriya Saran เรียกให้รถหยุดเพื่อที่จะนำคนป่วยกลางถนนมาขึ้นรถและขอให้พาไปส่งโรงพยาบาลที่เธอเป็นหมอประจำอยู่ ปรากฎว่าผู้หญิงสวยคนนี้เองคือคนรักในชาติที่แล้วของลุงแก และผู้ป่วยที่เป็นชายแก่ที่เธอนำมาขึ้นรถก็คือคุณปู่นั่นที่เป็นลูกของทั้งสองคนในชาตินั้นนั่นเอง เนื้อเรื่องส่วนที่เหลือเราคงไม่สปอยล์อะไรไปมากกว่านี้แล้วละนะ ถ้าเล่าอีกคงแทบหมดเปลือกเลย ไม่สนุกแน่ๆ ทิ้งให้ไปติดตามกันเอาเองดีกว่า

Manam-Sam-Chaitanya
                                                                                                                         Source

ที่จะขอชมต่ออีกอย่างก็คือหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกถึงการแสดงที่มีมิติมากขึ้นของ Chaitanya (ปกติชาวติ่งเรียกเขาว่าหน้าลิง) หนังเรื่องอื่นๆหน้าลิงมักจะเล่นเป็นวัยรุ่นถึงวัยทำงานตอนต้น ซึ่งบทก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย รักกันงอนกัน จัดว่าลูกกวาดและน่าเบื่อ ไม่อีกทีก็ดูขรึมและเน้นบทบู๊ รวมๆคือบทมีแต่ซ้ำๆซากๆอะ ไม่มีพัฒนาการศรีนครินทร์อะไรซ้ากนิด พอมาเรื่องนี้ได้เล่นเป็นพ่อคน แม้จะเป็นพ่อเด็กที่ยังไม่โตมากก็เหอะ มันก็มีความน่าสนใจขึ้นเยอะ ส่วนทั้งคุณลุงกับคุณปู่นั่นมีของเยอะอยู่แล้ว แทบไม่จำเป็นจะต้องกล่าวชมซ้ำ

Manam-Nagarjuna-Sam
                                                                                                                         Source

ในส่วนของฝ่ายหญิงก็ดีงามตามเนื้อผ้า แต่เราแอบรู้สึกว่า Shriya เจิดกว่า Sam มากอยู่สักหน่อย ออร่ามาเต็มมาก ณ จุดนี้ ยิ่งในพาร์ทปัจจุบันที่เป็นหมอนี่สวยตราตรึงสุดๆ อาจจะเป็นเพราะเธอผอมเพรียวกว่า มีหน้าตาที่ตรงสเป็คเรามากกว่าก็ได้ เลยรู้สึกว่าสะกดตาเราได้มากกว่า คือสวยทุกยุคอะ ทั้งยุคปัจจุบันและยุคย้อนอดีตที่เป็นสาวชาวนาเลย แต่เรื่องฝีมือนี่ต้องบอกว่ากินกันไม่ลง ไม่มีใครดีหรือแย่ไปกว่ากันนะ

Manam-movie
                                                                                                    Source
รวมๆแล้วหนังไม่มีจุดพีคที่แหวกออกมาแบบชัดเจน เป็นความพีคแบบเบาๆตามเนื้อเรื่อง แต่เป็นอะไรที่ทำให้เราอบอุ่นหัวใจมากๆ ใครที่ชอบดูหนังรักแนวข้ามภพข้ามชาติมารักกันนี่เราแนะนำให้หามาดูเลยนะ มันดีมากๆ กิมมิคดี กลายคลายปมก็ดี ไม่มีช่องโหว่ที่ดูแล้วต้องเลิกคิ้วเลย แล้วทุกคนก็เล่นดีมากจริงๆ ทำให้ Manam เป็นหนังรักจากฝั่่งใต้ที่เราประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้