Tuesday, 16 June 2015

Rab Ne Bana Di Jodi

เมื่อต้นปีเราได้ซื้อแผ่น DVD รวมหนังอินเดียยอดฮิตแบบ 5 in 1 มาแผ่นนึง เป็นแผ่นหนังของค่าย EVS ที่แทบจะเป็นเจ้าเดียวในไทยเลยก็ว่าได้ที่เอาหนังอินเดียมาขายแบบพากย์ไทย ใน 5 เรื่องนั้นมีหนังของ Shahrukh Khan อยู่ถึง 3 เรื่องด้วยกัน แต่เรื่องที่โดดเด่นเตะตาจนทำให้เราต้องเลือกมาดูเป็นเรื่องแรกเลยก็คือ Rab Ne Bana Di Jodi หรือที่เรียกในชื่อไทยว่า แร็พนี้เพื่อเธอ (ตอนเห็นชื่อไทยครั้งแรกลมแทบจับ รู้สึกเห่ยมาก แต่พอมาคิดดูดีๆเหมือนคนตั้งจงใจเล่นคำว่า rab กับ แร็พ และคำว่า ne กับ นี้ มากกว่า พอนึกไปนึกมากลายเป็นเก๋ซะงั้น) ซึ่งเป็นผลงานร่วมกับนางเอก Anushka Sharma นั่นเอง


                                         source

หน้าหนังดูเหมือนหนังเต้นทั่วๆไปนี่แหละ ทั้งที่เราก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ว่าพี่แกจะบู๊ จะรัก จะชีวิตรันทดหดหู่ แม้แต่จะไซไฟ พี่อินเดียแกก็ต้องออกมาร้องมาเต้นกันกระจายตลอดเวอยู่แล้วตามธรรมเนียม แล้วนี่ยิ่งเป็นหนังเต้นด้วย มันจะเต้นกันระเบิดระเบ้อขนาดไหนละ จริงปะ แต่ Rab Ne Bana Di Jodi ไม่ใช่แค่เท่านั้นหรอกนะ มันคือหนังรักที่อบอุ่นละมุนละไม และแฝงมุมตลกๆบ๊องๆเอาไว้ด้วย แถมมีฉากบู๊ระดับอ่อนพอกรุบกริบ มีคำคมที่กระตุกใจให้คิดทบทวนถึงการที่เราจะรักใครสักคน ต้องชมเลยว่าบทดีมากจริงๆ ขนาดเราดูแบบพากย์ไทยนะยังรู้สึกว่าบทดีขนาดนี้ แต่ข้อเสียข้อใหญ่เลยก็คือคนพากย์นางเอกพากย์ได้แย่มาก พากย์เหมือนเป็นนางเอกมือใหม่ ดูเกร็งๆชอบกล ตอนหลังได้มีโอกาสดูเสียงในฟิล์มที่มีซับอังกฤษนี่คนละฟีลเลย ดีกว่ากันมากเลยอะ มากจนต้องทึ่งว่าเฮ้ยนี่คือหนังเรื่องแรกของ Anushka เหรอเนี่ย ในขณะที่เสียงภาษาไทยฟังแล้วได้ฟีลมือใหม่จริงๆ




แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวงคือการแสดงของ SRK ในเรื่องเขาต้องรับบทบาทที่แตกต่างกันเกือบสิ้นเชิง ในช่วงแรกของหนังเขาเป็นแค้ผู้ชายเฉิ่มๆที่ชื่อสุรินเดอร์ และเขาหลงรักตานี ลูกสาวคนสวยของอาจารย์ที่เขานับถือ (ช่วงแรกๆเราฟังชื่อแล้วจั๊กจี้หูทุกที ยังกับผีตานี) อาจารย์ปลื้มศิษย์รักคนนี้มากถึงกับชมให้ลูกสาวคนสวยฟังไม่ขาดปาก ตอนนั้นเธอกำลังจะแต่งงานกับเจ้าชายที่เลือกเองในอีกไม่กี่วัน แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง รถขบวนที่ฝ่ายชายและครอบครัวเดินทางมาเพื่องานแต่งเกิดอุบัติเหตุและไม่มีใครเหลือรอดสักคน เรียกว่าตายกันยกครัว ทันทีที่ตานีรู้ข่าวเธอเสียใจมาก พ่อเธอเองก็เกิดอาการสงสารลูกสาวจนหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นมาซะงั้น อาการหนักขึ้นมาอีกคนจนถึงขั้นที่คิดว่าตัวเองคงไม่รอด 'จารย์แกเลยตัดสินใจฝากผีฝากไข้ลูกสาวคนเดียวไว้กับสุรินเดอร์ แกอยากให้แต่งงานกันเพื่อที่ตานีจะได้มีผู้ชายดีๆมาดูแล ทั้งศิษย์รักและลูกสาวก็ไม่ขัดใจ ตานียอมแต่งงานตามคำขอร้องของพ่อและย้ายไปอยู่กับเขาที่เมืองอัมริตสา

ฉากนึงที่เราประทับใจมากก็คือตอนที่ทั้งสองเดินเข้าบ้านที่นั่น ผู้ชายเฉิ่มๆอย่างสุรินเดอร์เอาน้ำมาราดตรงธรณีประตูด้วยเหตุผลทางวัฒนธรรมอะไรสักอย่าง แต่ลีลา ท่าทาง สีหน้าของ SRK ทำให้เรารู้สึกว่าผู้ชายเฉิ่มๆแบบสุรินเดอร์นี่ละที่รักตานีจากใจจริง ฉากนี้ทำเอาเราได้ยินเพลงโปรดจงตัดสินใจ จากอัลบั้มผู้ชายเฉิ่มๆของพี่บ็อบ-ทูน ลอยขึ้นมาในหัวเลย (ฮ่าๆ โคตรเช็คอายุอะ ทันเพลงนี้เนี่ย) ชอบฉากนี้ที่สุดในเรื่องเลยก็ว่าได้ ทั้งที่มันก็ไม่ใช่ฉากสลักสำคัญอะไรเลย

จากการสูญเสียทั้งสามีและพ่อไปในแทบจะวันเดียวกัน มันส่งผลให้ตานีเสียศูนย์มาก เธอใช้ชีวิตแต่งงานใหม่อย่างซังกะตาย ไม่ได้มีความสวีทหวานชื่นแบบที่ควรจะเป็น สุรินเดอร์เองก็รู้ตัวดีว่าเธอแต่งงานเพื่อให้พ่อตายตาหลับ เขาถึงกับขนาดยอมอัปเปหิตัวเองไปนอนห้องใต้หลังคาด้วยซ้ำ แล้วยกห้องเดิมของเขาให้ตานีอยู่คนเดียว หัวใจของเธอแหลกสลายจนเธอคิดว่าคงไม่สามารักใครได้อีกแล้ว เธอบอกกับเขาอย่างนั้น ซึ่งเขาก็เข้าใจดีจึงไม่ได้เร่งรัดอะไรเธอเลย ถึงอย่างนั้นตานีเองก็สัญญาว่าจะทำหน้าที่ดูแลบ้านเรือนรวมทั้งอาหารการกินให้เป็นอย่างดี เธอทำปิ่นโตอาหารเที่ยงให้เขาทุกวัน สุรินเดอร์เองก็พยายามเอาใจภรรยาอยู่ไม่ขาด ทั้งพาไปดูหนัง ทั้งถอยรถเก๋งใหม่ฮุนไดสีเหลือง ความสุขเดียวของตานีที่เขาพอจะสังเกตได้ก็เห็นจะเป็นการดูหนัง ที่เธอดูจะปลื้มบรรดาพระเอกพวกนั้นอยู่ไม่น้อย

เหตุการณ์เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อตานีไปเจอโรงเรียนสอนเต้นเปิดใหม่ในเมือง เธอยังคงเป็นภรรยาที่ดีโดยการขอความเห็นชอบจากสามีก่อน สุรินเดอร์เองก็ตามใจภรรยา เอาเงินมาให้ลงเรียนอย่างง่ายดาย ตอนนี้เองที่เขาเกิดความคิดอุตริขึ้นมาว่าจะปลอมตัวเป็นใครสักคนที่จะทำให้ตานีมีความสุขขึ้นได้บ้าง ใครสักคนที่ไม่ใช่หนุ่มแว่นทำงานการไฟฟ้าที่แสนน่าเบื่ออย่างเขา ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนเก๋ย์เจ้าของซาลอน เขาจึงแปลงร่างเป็น ราช คาร์ปูร์ หนุ่มทะเล้น เจ้าเสน่ห์ แต่งตัวจัด และไปลงเรียนเต้นกับเธอ

เหมือนอย่างที่สุรินเดอร์ได้พูดกับเพื่อนว่าพระเจ้าเริ่มขีดเขียนเรื่องราวความรักระหว่างเขากับตานีแล้ว ครูสอนเต้นได้จัดกิจกรรมให้นักเรียนจับคู่กันเต้นตามหมายเลขที่ได้แจกให้ไป และทั้งสองคนก็ได้คู่กัน จากนั้นสุรินเดอร์ในคราบของราชก็ใช้ลีลายียวน เจ้าชู้ มอบความสดใสให้กับตานีทุกวัน จนตานี่เริ่มหลงรักเขาในที่สุดและเธอก็รู้สึกผิดระคนกันไปเพราะเธอเองคือหญิงที่แต่งงานแล้ว เธอมีการตัดสินใจครั้งใหญ่รอเธออยู่

เรื่องราวจะดำเนินต่อไปแบบไหนเราคงไม่เล่าต่อละนะ ทิ้งไว้ให้ไปติดตามกันเอาเอง แต่ในหนังมีคำพูดอยู่คำนึงที่ทำให้เราต้องย้อนถามตัวเองอยู่เหมือนกัน คำพูดนั้นคือ "ผมเห็นพระเจ้าในตัวคุณ" มันเป็นคำพูดที่สุรินเดอร์บอกแก่ตานี มันไม่ใช่คำพูดที่ฟังดูหวานแหววหรือชวนเลี่ยนอะไรเลย แต่มันฟังดูยิ่งใหญ่มากจริงๆ ยิ่งใหญ่เท่าที่มนุษย์คนนึงจะรักมนุษย์อีกคนได้ ถ้าเรารักใครสักคนเราจะมองเห็นพระเจ้าในตัวเขามั้ยนะ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้าหรือไม่ก็ตาม ถ้าคุณมีความสัมพันธ์ มีคนที่คุณรัก ก็ลองถามตัวเองแบบนี้ดูสิ


Location: Bangkok, Thailand

0 comments:

Post a Comment

แสดงความเห็น แนะนำ ติชม เข้ามาได้ตามสะดวกนะ