ถ้าจะต้องให้เราแนะนำหนังอินเดียใหม่ๆที่เราคิดว่าน่าจะดูง่ายสำหรับคนที่ยังไม่เคยเปิดใจดูหนังอินเดียมาก่อน หนังที่เราอยากแนะนำก็คงจะหนีไม่พ้น Dil Dhadakne Do นี่แหละ ทีนี้มาดูเหตุผลกันนะว่าทำไม
ลงทุนไปนับหลายร้อยล้านรูปี ทั้งนักแสดงชื่อดังที่ขนมาหลายคน ทั้งการไปถ่ายต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ของเรื่อง เสื้อผ้าที่ดูดีดูแพงสมฐานะตัวละครไฮโซ ทั้งการคุมโทนสีของภาพ ทั้งการตัดต่อ กำกับท่าเต้น ทำเพลงประกอบ ยิ่งใหญ่อลังการและปราณีตมากทั้งที่เป็นหนังสมัยใหม่ หนังอินเดียหลายๆเรื่องถึงจะดีและดังจริง แต่ก็ไม่มีองค์ประกอบครบแบบนี้นะ ซึ่งทีมผู้สร้างคือบริษัทของ Farhan Akhtar หนึ่งในดารานำนั่นเอง แล้วก็กำกับโดย Zoya Akhtar พี่สาว อุตสาหกรรมในครัวเรือนแท้ๆ
แคสติ้งดีงามล้ำเลิศอย่าบอกใครเลย ไม่ว่าจะรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือรุ่นลูก ขนมาหมดทั้งพระเอกดังยุคเก่าและพระเอกนางเอกรุ่นใหม่ Anil Kapoor, Farhan Akhtar, Priyanka Chopra, Anushka Sharma, Ranveer Singh และ Shefali Shah ปกติแล้วเราจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูดาราดังคับคั่งแบบนี้ในหนังสักเท่าไหร่นะ นี่ขนมากันเยอะจริงๆ เอามาเล่นเป็นพ่อแม่ลูกกันก็ไม่ขัดเขินเลย PC เป็นพี่สาว Ranveer ได้แบบน่าเชื่อมากๆ แม้ว่าจะเคยเล่นคู่รักในเรื่องอื่นมาก่อน Ranveer เองก็ดีมาก ดูแล้วโคตรเชื่อเลยว่าเป็นน้องชายของบ้าน เป็นหนุ่มแสบๆที่ต้องสืบทอดกิจการของพ่อทั้งๆที่ตัวเองมีความใฝ่ฝันด้านอื่น ส่วน Farhan เองก็ดูหล่อแบบฉลาดมาก ส่วนตัวรู้สึกว่าฮีดูหล่อแบบมีสมองอยู่แล้ว ยิ่งมารับบทเป็นช่างภาพของ National Geographic แบบนี้ยิ่งฟินเข้าไปใหญ่เลย Anushkar ก็ดูสวยแซบไม่เบาสำหรับการเป็นนักเต้น ฟากลุง Anil รึก็ยิ่งแก่ยิ่งเท่ สมัยหนุ่มๆดูแล้วเด๋อด๋าไม่เบานะ แต่พอแก่ตัวลงเฮ้ยราศีเท่จับแพรวพราวไปทั้งตัวเลยลุง
ความจริงเรื่องนี้ Amir Khan ก็เล่นด้วยนะ แต่เราขออุบไว้ก่อนว่าเขาเล่นเป็น "ตัว" อะไร ขืนบอกก่อนก็ไม่สนุกสิ ได้ดูเองแล้วจะรู้ จัดว่าเป็นตัวที่มีบทบาทสำคัญระดับนึงเลยแหละ
3. ฉากเพลงเต้นที่ถ่ายทำแบบ long take
จากที่เคยดูหนังอินเดียมานับร้อยเรื่อง มันต้องมีสักเรื่องแหละที่มีฉากเต้นแบบ long take ที่เคยผ่านตามาก่อน แต่กับ DDD นี่ทำให้เพิ่งมาสำเหนียกรู้ในความเจ๋งของการกำกับเพลงเต้นแบบ long take ตัวเพลงระยะเวลาสี่นาทีครึ่งกับอีกนิดๆ คิดดูว่าจะยากขนาดไหน ฉากในเรือสำราญที่ต้องปาร์ตี้กัน มีคนเข้าร่วมในฉากนับร้อยชีวิต ทั้งเต้นทั้งร้อง รายละเอียดเยอะมาก คนนั้นขยับอย่างนี้ คนนี้ขยับอย่างโง้น ไอ้นี่ยืนอยู่โน่น อีนั่นยืนยังไง และความที่เป็น long take แปลว่าทำผิดคือต้องเริ่มใหม่แต่ต้น อยากจะเอาพวงมาลัยพร้อมผ้าแพรเจ็ดสีเจ็ดศอกไปพันรอบตัวคนกำกับท่าเต้นและกราบนางแบบอัษฏางคประดิษฐ์รัวๆอีก 8 ทีเลย นึกดูว่าตอนถ่ายทำมันจะโกลาหลขนาดไหน ต้องมีคนคุมคิว ปล่อยคิวว่าใครจะต้องมูฟไปตอนไหนและมูฟแบบไหน กล้าประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าใครไม่เคยดูหนังอินเดียดูแล้วจะต้องทึ่ง ส่วนพวกที่เคยหัวเราะเยาะฉากเต้นในหนังอินเดียน่ะ ดูแล้วก็สำเหนียกบ้างนะว่าไม่ใช่ทำกันง่ายๆและก็ไม่ใช่เรื่องตลกเลย ที่สำคัญเพลง Gallan Goodiyan นี่มันสะใจมาก สมกับความหมายของเพลงที่ว่า There is no party like Punjabi party จริงๆเลยให้ตาย ทุกวันนี้นั่งฟังเพลงนี้ทีไรตีนขยับดิ๊กๆไปตามเพลงทุกที
หนังเรื่องนี้ยกขบวนกันไปถ่ายบนเรือสำราญขนาดใหญ่ที่วิ่งในน่านน้ำของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งกินพื้นที่แถบประเทศตุรกี ตูนีเซีย สเปน อิตาลี และยังไม่หมดแค่นั้น ยังมีฉากก่อนที่จะลงเรือสำราญในอินเดียเองอีกด้วย ตัวเรือสำราญทำได้ใหญ่ยักษ์อลังการดีมากๆ โดยเฉพาะฉากที่ถ่ายตอนเรือกำลังแล่นกลางน้ำจากมุมสูง โหย รู้สึกว่าเขาทุ่มงบสุดๆ ก็ไม่รู้นะว่าถ่ายจริงหรือใช้ CG ทำเอา แต่ไม่ว่าจะใช้ทางไหนเงินต้องถึงอะที่แน่ๆ นอกจากเรือแล้วยังมีฉากที่แวะขึ้นบกตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วย ที่ตุรกีที่ไปดูพวกมัสยิดอะไรสักอย่างนี่สวยเว่อร์ๆ อิตาดีก็ช่างดีงาม ทุกที่ที่กรุ๊ปทัวร์เรือสำราญแวะไปล้วนสวยงามอร่ามแท้แลตะลึงเป็นที่สุด ทำเอาอยากจะเที่ยวแบบตามรอยเหมือนพวกซีรีส์เกาหลีเลยอะ
อีกจุดเด่นที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเสื้อผ้าของตัวละคร ด้วยความที่เป็นเรื่องราวชีวิตครอบครัวรวยๆและสังคมของพวกเขา เสื้อผ้าเลยต้องดูดี ดูไฮ ดูแพง ทำออกมาได้สมฐานะจริงๆ เสื้อผ้าที่ PC ใส่นี่สวยๆทุกตัว ยิ่งชุดที่ใส่ในปาร์ตี้ตามคลิปด้านบนนี่สวยเจิดสุดๆ ขนาดเราไม่ใช่หญิงจ๋ายังจะอยากได้ไว้ใส่ไปงานกลางคืนสักตัวเลย และในฉากที่ว่านี่เรามองต้นแขน PC เพลินมากเลยนะ กระชับได้รูปแต่ไม่แข็งเกร็งจนหมดความอ่อนหวาน เสื้อผ้าของพวกผู้ชายก็ดีงามเหมือนกัน สวยงามน่าใส่ แม้แต่ของตัวละครรองๆก็ดูดีอะ ดีไปหมดทุกคน หาที่ติไม่เจอจริงๆเรื่องคอสตูมเนี่ย หน้าและผมก็เลอเลิศปานกัน พร็อพประกอบฉากก็อลังอู้ฟู่สมเป็นหนังพี่พูดถึงชีวิตไฮโซไฮซ้อของอินเดีย ดูแล้วเชื่อหมดใจจริงๆว่าไอ้พวกนี้แม่งรวย
จุดแข็งอีกอย่างนึงคือบทที่สะท้อนปัญหาในครอบครัวและชีวิตคู่ เนื้อเรื่องกล่างถึงครอบครัวไฮโซครอบครัวนึงคือ บ้าน Mehra อีครอบครัวนี้เป็นคนรวยของอินเดีย ครอบครัวก็เหมือนจะอบอุ่นดีหรอกนะ แต่จริงๆแล้วเฟคมาก ไอ้ตัวพ่อก็แอ๊บเป็นรักแม่ปานจะกลืนจะแดก พ่อแม่ก็ทำเหมือนเข้าใจหัวอกหัวใจลูก แต่บังคับลูกสาวคนโตให้แต่งงาน สมาชิกในครอบครัวไม่สื่อสารกันเลย ไม่มีใครพูดถึงปัญหาหรือความไม่เข้าใจกันนั้นออกมาอย่างตรงๆ ได้แต่เก็บสะสมไว้รอวันระเบิด แล้วมันก็ระเบิดออกมาจริงๆ ในจุดนี้ต้องชมคนเขียนบทมากที่เลือกให้ตัว Kabir หรือไอ้ลูกชายคนเล็กแห่งบ้าน Mehra เป็นคนแกะปมนี้ ด้วยบุคลิกที่ทะเล้น บ้าๆบอๆ ที่ก็ตรงกับตัว Ranveer มันเลยทำให้เรื่องที่น่าเครียดดูไม่เครียดเท่าที่ควร เหมือนการเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นน่ะ คนเขาเถียงกันเครียดๆอยู่ แม่ผัวของพี่สาววี้ดว้ายขู่จะฆ่าตัวตายตอนที่ลูกสะใภ้บอกจะหย่าเพราะไม่ได้รักผัวเฮงซวยซึ่งก็คือลูกชายตัวเอง ไอ้นี่เสือกไปทักนางว่าหยิบมีดผิดแล้วครับคุณป้า มีดตัดเนยมันเฉือนข้อมือไม่ออกหรอกครับ แถมส่งมีดแบบจริงๆให้พร้อมแนะนำว่าต้องตัดเส้นไหน ตัดทแยงยังไงถึงจะได้ตายสมใจ น้องคนเล็กของบ้านกวนตีนใช้ได้ ดูแล้วหลงรัก Ranveer ไปเลย ดูมากี่เรื่องไม่เคยหลงรักแบบนี้มาก่อน เรื่องนี้เล่นออกมาพอดี ไม่ใหญ่รัชดาลัยอย่างเรื่องอื่น
ปมเรื่องการวางอำนาจเหนือผู้หญิงในชีวิตคู่ก็จับเอามาเล่น ส่วนตัวแอนตี้ผู้ชายที่มีสันดานแบบนี้มากๆ เลยรู้สึกสะใจทุกครั้งที่หนังไม่ว่าชาติไหนก็ตามเลือกเอาประเด็นนี้มาเล่นแรงๆ ซึ่งก็ประทับใจเจ๊มากที่เลือกให้ Farhan เป็นคนเปิดประเด็นนี้ หลังจากที่แต่งงานไปกับไอ้ทึ่มคนนึงที่ก็รวยพอๆกัน พี่สาวคนโตแห่งบ้าน Mehra ก็เหมือนตกอยู่ใต้อำนาจผัวกรายๆ ถึงจะไม่ได้กฎขี่ตบตีอะไรแบบเห็นได้ชัดๆในการกระทำ แต่มีการแทรกแซงการตัดสินใจอยู่เสมอ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับชีวิตของตัวเองได้แบบเต็ม 100% บทแบบนี้ได้คนหล่อฉลาดอย่าง Farhan มาพูดไดอะล็อกเจ๋งๆเพื่อหักหน้าไอ้ผัวบ้าๆมันช่างสะใจดีนักแล บอกลาผัวเก่าจอมกฎขี่ซะ แล้วไปลั้นลากับตากล้องอินดี้ที่เป็นเฟมินิสต์สิ ชีวิตจะดี๊ดีกว่าเก่าเยอะ พูดกงๆว่าเลือกมิถืกเบย Sunny หรือ Kabir ดีนะ คนนึงก็หล่อ รวย กวนตีน อีกคนก็หล่อฉลาดซ้ำเป็นเด็กแนว ที่สำคัญจิตใจงามทั้งคู่
เท่าที่ร่ายยาวกับเหตุผลทั้ง 6 ข้อนี้คิดว่ามากเกินพอที่จะบอกว่าทำไมผู้เริ่มต้นถึงควรเริ่มด้วย Dil Dhadakne Do เราเคยเอา trailer ให้เพื่อนที่เกิดมาไม่เคยดูหนังอินเดียมาก่อนเลยดู หลายๆคนพูดตรงกันว่าทึ่งมาก ไม่คิดว่านี่คือหนังอินเดีย โปรดักชั่นอลังการ เนื้องานไม่ต่างจากหนัง Hollywood บางคนนี่ถึงขั้นแขวะด้วยซ้ำว่าหนังไทยทำอะไรอยู่ นี่ละถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงอยากให้มือใหม่หัดดูหนังอินเดียเริ่มต้นกับเรื่องนี้ เพราะมันมีข้อคิดสำหรับครอบครัวด้วย ไม่ใช่ว่าสักแต่จะดูเอามันหรือเอาฉากสวยงามอลังการอย่างเดียวน่ะ
เหมือนจะชมมาตั้ง 6 ข้อเลยใช่มั้ย คราวนี้แหละจะติแล้วนะ ส่วนตัวรู้สึกว่าบทของ Anushka ดูเหมือนไม่ค่อยรัก Karbir เท่าไหร่เลย เรียกว่าเป็นจุดบกพร่องของบทเลยก็ว่าได้ ลูกไฮโซเจอกับนักเต้นในเรือสำราญ ถูกใจกัน รักกัน มีอะไรกัน มันดูง่ายไป ง่ายจนมองไม่ออกว่าฝ่ายหญิงรักฝ่ายชายตรงไหน คือถ้าเปลี่ยนแบบว่าฝ่ายชายนิสัยแย่ เป็นลูกคนรวยที่โดนสปอยล์ ฟันหญิงเป็นว่าเล่นแต่ตอนสุดท้ายแพ้ความดีและกลับใจได้อันนี้จะยังพอ make sense นะ แต่ไอ่นี่เปล่าเลย ดูรักกันดีมาตลอด มีมางอนกันตอนหลัง แต่ไอ้ช่วงที่รักกันเนี่ย ดูไม่เห็นฝ่ายหญิงรักอะไรนักหนาเลย พอตอนงอนเลยทำเหมือนหนีไปดื้อๆไม่บอกไม่กล่าว ไม่มีอาการน้อยใจแบบจริตหญิงอะ ซึ่งงงมาก ณ จุดนี้ เพราะส่วนตัวก็ไม่มีจริตหญิงแบบนี้หรอกไง แต่นางเป็นนักเต้นนะเฮ้ย ทำไมดูจริตแข็งกระด้างจัง ดูเหมือนไม่รักไม่แคร์ไอ้ Kabir เท่าไหร่เลย ดูไปก็หงุดหงิดไป รู้สึกเหมือนฮีน่าจะหาคนที่รักฮีจริงๆมากกว่ายัยนี่ได้อะ หล่อ รวย ทะเล้น กวนตีน ขับเครื่องบินได้ แถมจิตใจดี สาวๆที่ไหนก็อยากจะอ้า ... แขนรับละ จริงปะ นอกนั้นก็ไม่มีข้อติอะไรแล้ว ทุกอย่างดีงามตามท้องเรื่องอย่างที่สาธยายไปแต่แรกนั่นแหละ
ตอนนี้แผ่นก็มีวางขายในไทยแล้ว ลองไปหามาติดตามดูกันได้ แนะนำจริงๆสำหรับคนที่ยังไม่เคยดูหนังอินเดียมาก่อนและอาจจะยังไม่กล้าลองหนังอินเดียที่มันมีกลิ่นอายอินเดียจัดจ้านจนเกินไป ลอง Dil Dhadakne Do เลย เวิร์ค เชื่อเรา