Thursday, 11 February 2016

Brothers



ส่วนตัวไม่ใช่แฟนหนังแอ็คชั่นแนวเตะต่อยสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นหนังจากชาติไหนก็ตาม ยอมรับแบบแมนๆว่าที่ไปดูเรื่องนี้ก็เพราะเรารู้ว่า Sidharth Malhotra สุดหล่อแสดงนำนั่นเอง เราได้ข้อมูลมาจากรุ่นพี่แฟนหนังอินเดียด้วยกันว่าเรื่องนี้เป็น remake จากหนัง Hollywood เรื่อง The Warrior เข้าใจว่าซื้อลิขสิทธิ์มาแบบถูกต้องด้วยนะ ไม่ใช่งุบงิบมุบมิบทำเอาเอง เนื้อเรื่องคร่าวๆก็คือสองพี่น้องในตระกูลนักมวยต้องมาขึ้นเวทีเพื่อประลองกันเอง มันมีแค่นี้จริงๆแก่นของเรื่อง ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนมากจนตามไม่ทัน เน้นเอาฉากบู๊สะใจตามสไตล์หนังบู๊สายเตะต่อย มีปมดราม่าระหว่างพ่อลูก ความกินแหนงแคลงใจกันระหว่างสองพี่น้อง และเรื่องความเจ็บป่วยของลูกสาวตัวน้อยๆเข้ามาเสริมด้วยให้เรื่องมันดูมีอะไรยิ่งขึ้นมากกว่าการไปดูคิวบู๊ศิลปะป้องกันตัวอย่างเดียว 

หนัง Brothers
                                                         Source


สิ่งที่เราคิดว่าทำได้ดีมากๆในหนังมีด้วยกันสองส่วน อย่างแรกที่จะต้องชมมากๆเลยก็คือการแคสติ้ง สองพี่น้องแคสท์ได้ดีมากๆ Akshay Kumar รับบทพี่ชายชื่อว่า David ส่วนน้องชาย Monty ก็คือ Sid อย่างที่เกริ่นไปแต่แรก เป็นพี่น้องที่เหมือนกันมากยันทรงของกระโหลกเลยทีเดียว ดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า Sid แก่ตัวไปก็เป็นลุงอัคดีๆนี่เอง จริงๆแอบรู้สึกหน่อยๆว่าตัวลูกชายคนโตกับตัวพ่อที่รับบทโดย Jackie Shroff นั้นแลดูวัยใกล้กันมากไปหน่อย ไม่รู้เพราะลุงอัคดูแก่กว่าวัยเองหรือเพราะลุงแจ็คดูหนุ่มกว่าวัยกันแน่ แต่พอนึกไปว่าคนที่เป็นนักมวยมาค่อนชีวิตมันก็ต้องโทรมต้องเยินเป็นธรรมดา พ่อกับลูกจะดูวัยใกล้กันหน่อยก็ไม่น่าจะแปลกอะไร เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วทำให้ปล่อยผ่านไปได้โดยง่าย 

                                                                                          Source

ตั้งแต่แรกที่ได้รู้ว่าใครจะแสดงเรื่องนี้บ้างคนที่ทำให้เราตกใจที่สุดก็คือ Jacqueline Fernandez ด้วยความที่ภาพจำของนางที่เรามีเป็นสาวหุ่นเนื้อนมไข่มาตลอด มาเรื่องนี้ต้องรับบทเมียและแม่ แถมเป็นแม่ที่ดูอ่อนโยนอ่อนหวานกับลูกที่ป่วยออดๆแอดๆอีก ก็ยิ่งทำให้เราอดปรามาสไม่ได้ว่าจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน เมื่อได้ดูหนังจริงๆแล้วสิ่งแรกที่พูดเลยคือขอโทษนะ Jac ที่เรามองเธอผิดไป เธอทำได้จริงๆ เธอเป็นเมียและแม่ได้สมบูรณ์อย่างที่เรานึกไม่ถึงเลยละ

Brothers
                                                                                          Source

แต่คนที่แสดงได้ดีที่สุดเห็นจะเป็นลุงแจ็คมากกว่า เรื่องนี้ดราม่ามากๆสำหรับแก ดราม่าปมชีวิตของแกเองและไหนจะดราม่าที่ลูกสองคนต้องมาฟัดกันอีก ฟัดกันแบบตายไปข้างเลยก็ว่าได้ คิดดูว่าคนเป็นพ่อจะเฮิร์ทแค่ไหน ซึ่งแกถ่ายทอดออกมาได้ดีมากๆ ลุงอัคกับซิดเรียกว่าเล่นได้ตามมาตรฐานตัวเองแล้ว เราเลยไม่ได้รู้สึกปลื้มปริ่มอะไรมากเท่าไหร่ ออกจะหงุดหงิดเล็กๆเวลา Sid ออกฉาก เพราะมองไปก็รู้สึกเหมือนเจอนักมวยตัวใหญ่ หน้าทึ่มๆชอบกล คือเข้าใจว่าบทมันต้องเป็นแบบนี้แหละ แต่ไม่ชอบไง มันดูหน้าโง่ยังไงไม่รู้ หงุดหงิดลูกตา แถม Sid ต้องเพิ่มน้ำหนักและฟิตหุ่นเพื่อหนังเรื่องนี้ จนตัวแตกลายงาเลย ตามไหล่ตามต้นแขนนี่แตกพราวไปหมด ดูแล้วขนลุกมาก ฮ่าๆ

อีกจุดที่ปลื้มไม่แพ้กันเลยคือฉาก แสง สี เสียง ทุกอย่างดูอลังการงานสร้างจริงๆ โดยเฉพาะฉากในสเตเดียมที่จัดแข่งมวยนี่ดูสมจริงสุดๆ บวกกับแสง สี เสียง การตัดต่ออะไรต่างๆแล้วรู้สึกเหมือนไปนั่งดูอยู่ในนั้นด้วยเลย ทำให้นึกว่าในชีวิตอยากจะได้ไปดูการแข่งมวยลักษณะแบบนี้สดๆสักครั้งนึงก็น่าจะดีไม่น้อย รวมถึงส่วนของคิวบู๊ในสเตเดียมนั้นก็ทำได้ไม่ดูเฟคดี เอ็ฟเฟ็คของการเตะต่อยหรือกระดูกหักเอ็นฉีกอะไรไม่ดูเวอร์เกินจริงเหมือนหนังบางเรื่อง ฉากที่ชอบอีกอย่างก็คือฉากบ้านเรือนของชุมชนชาวคาทอลิคในอินเดีย เราว่าเขาเซ็ทออกมาได้มีเสน่ห์ดีบอกไม่ถูก ตรงนี้มันอาจจะเป็นธรรมชาติของอินเดียเองก็ได้ที่ชุมชนชาวคาทอลิคที่นั่นเขารวมตัวกันเข้มแข็ง มีการตั้งบ้านเรือนอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน และแสดงออกซึ่งความเป็นคาทอลิคอย่างชัดเจน ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นศาสนาที่คนนับถืออันดับต้นๆของประเทศด้วยซ้ำ ซึ่งในบ้านเราไม่มีแบบนี้ไง เลยทำให้เราชอบดู จะว่าไปเราชอบฉากแบบนี้ในหนังอินเดียทุกเรื่องที่มีเลยแหละ 

การเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ทำได้น่ารักดี ตัวพี่ชายทำอาชีพครู ด้วยความจำเป็นที่ลูกสาวป่วยเป็นโรคไต ต้องไปฟอกไตเสียค่าใช้จ่าเยอะ ก็เลยใช้ความสามารถทางมวยที่หล่อหลอมมาจากพ่อตั้งแต่เด็กไปต่อยแลกเงินจากสังเวียนใต้ดินจนไต่เต้าขึ้นสเตเดียมใหญ่ได้ในที่สุด ซึ่งจุดนี้แหละพวกนักเรียนและครูใหญ่ของโรงเรียนที่เขาทำงานอยู่ก็รวมตัวกันมาเชียร์ ตั้งทีวีบนดาดฟ้าที่ไหนซักที่นึง แล้วเด็กนักเรียนชายหญิงก็กอดคอกันเชียร์คุณครูเดวิดของพวกเขาได้อย่างน่ารักมากๆเลย ครูใหญ่เองยังเปิดทีวีดูกับเมียแกที่บ้านด้วยเลย ทั้งๆที่แกเป็นคนยื่นซองขาวให้เดวิดหลังจากที่ไปต่อยมวยสังเวียนเถื่อนบ่อยเกินไปด้วยซ้ำ คือมันเป็นภาพที่น่ารักมากและหนังไม่ลืมที่จะใส่มันลงไปด้วย ทำให้คนดูอมยิ้มได้เลย


จุดที่ขัดใจจริงๆของหนังเรื่องนี้คืออะไรรู้มั้ย มันจะมีตอนนึงที่ Monty ไปฉลองความสำเร็จอะไรสักอย่างเกี่ยวกับต่อยมวยนี่ละ ก็เข้าไปในผับที่นึงกับพรรคพวก แล้วก็มีนางโชว์ที่รับเชิญโดย Kareena Kapoor Khan ออกมาเต้นยั่วนัวเนีย Sid ในเพลงที่ชื่อว่า Mera Naam Mary (แปลว่า My name is Mary) ในขณะที่ Sid เองไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับยัยแมรี่เลย หน้าดูเหม็นเบื่อเหมือนโดนลากมาฉลองยังไงไม่รู้ เราดูแล้วก็ได้แต่ตาค้าง พร้อมกับสงสัยว่ามึงจะใส่ฉากนี้เข้ามาในหนังทำไมวะคะ คือช่วงนั้น Kareena ไม่ค่อยมีงานเหรอ เลยหาฉากใส่ๆมาเพื่อให้นางได้ออกกล้อง แฟนๆจะได้ไม่ลืมกันไรงี้ ปกติเพลงเต้นจีบกันก็โดนคนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนหนังอินเดียแขวะจะตายชักแล้วว่าเป็นเพลงมโน ใส่มาทำไม หาสาระไม่ได้ เกี่ยวยังไงกับเนื้อเรื่อง น่าเบื่อ น่ารำคาญ ไม่อยากดู เราเองเป็นคนชอบดูคนเต้นก็ไม่เคยเลยที่จะกรอข้ามฉากเหล่านี้สักหนและเถียงแทนให้ตลอดนะว่านี่คือหัวใจของหนังอินเดีย แต่กับฉากนี้ใน Brothers มันป่วงเกินกว่าจะออกหน้าให้จริงๆ อย่างไอ้พวกเพลงพระเอกมโนจีบนางเอกยังเข้าใจได้นะเพราะก่อนตัดเข้าเพลงมันก็จะมีฉากหรือไดอะล็อกที่เกี่ยวเนื่องอยู่ หรือพวกเพลงเปิดตัวพระเอกนางเอกที่จะมาช่วงต้นๆของเรื่อง มักมีการเต้นไปตามที่ต่างๆแล้วร้องเพลงบ้าบอไปเรื่อย ก็ยังเก็ทว่าเป็นการแนะนำตัวแนะนำคาแร็คเตอร์ แต่อันนี้มันเล่นกันง่ายๆโง่ๆ ให้พระเอกไปเข้าร้านเหล้า แล้วก็มีนางโชว์มาร้องเพลงในร้าน ซึ่งอินี่ก็ไม่ได้มีเอ็ฟเฟ็คอะไรกับชีวิตพระเอกตรงไหนเลยนับจากฮีก้าวเท้าออกจากร้าน จะใส่มาทำหอยอะไร งงมาก ณ จุดนี้ ตอนแรกที่ได้ยินว่า Kareena มารับเชิญให้ก็ยังคิดว่าจะมีบทเป็นว่า Sid ไปชอบหรือแอบมาเต๊าะ Sid หรือเปล่า เอาจริงๆไม่มีอะไรเลย มาเป็นนางโชว์เพลงเดียวแล้วจบไป

ถ้าจะให้สรุปเกี่ยวกับ Brother ก็คงจะต้องบอกว่าเป็นหนังแอ็คชั่นที่ซ่อนปมดราม่าแบบที่เรานึกไม่ถึง ขาไปกะไปดูคนหล่อต่อยกันหน้าแหกเต็มที่ อยากฟังเสียงกระดูกหัก เอ็นขาด เลือดสาดเต็มหน้ากล้องอะไรงี้ แต่กลับเจอความดราม่าแบบที่คาดไม่ถึงซ่อนไว้ เหนือความคาดหมายเลย แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ไม่ชอบดูอะไรแนวเตะต่อยเลือดทะลักสักเท่าไหร่นะ ส่วนตัวคิดว่าไปดูฉากบู๊มันๆในสเตเดียมกับแสงสีเสียงที่ทำออกมาดีขนาดนี้นับว่าคุ้มค่าตั๋วแล้วละ